สมรสเท่าเทียม: ความเปลี่ยนแปลงและสิทธิที่ควรรู้

       วันที่ 23 มกราคม 2568 นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลบังคับใช้ ทำให้คู่รักทุกเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นครั้งแรก

เหตุผลและความสำคัญของกฎหมายสมรสเท่าเทียม

       กฎหมายสมรสเท่าเทียมได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมุ่งเน้นที่การคุ้มครองครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างเท่าเทียม คู่สมรสทุกเพศจะได้รับสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางกฎหมายที่เท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมความเสมอภาคและสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยอย่างยั่งยืน กฎหมายนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศไทยในการยอมรับความหลากหลายทางเพศ และสร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง

การเปลี่ยนแปลงสำคัญจากกฎหมายสมรสเท่าเทียม

  • เปิดโอกาสให้ บุคคลทุกเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้ ไม่จำกัดเฉพาะคู่ชาย-หญิง
  • ปรับอายุขั้นต่ำสำหรับการหมั้นและการสมรสจาก 17 ปี เป็น 18 ปีบริบูรณ์
  • ใช้ คำที่เป็นกลางทางเพศ โดยเปลี่ยนจาก “สามี-ภริยา” เป็น “คู่สมรส”
  • คู่สมรสทุกคู่มี สิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน เช่น สิทธิในการรับมรดก การให้ความยินยอมในการรักษาพยาบาล และการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
  • ข้อห้ามในการสมรสยังคงเดิม เช่น การสมรสซ้อน การสมรสกับญาติสนิท หรือบุคคลวิกลจริต

สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรส

1. การหมั้น

    • การหมั้นสามารถกระทำได้เมื่อ ทั้งสองฝ่ายมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์
    • การหมั้นสมบูรณ์เมื่อ ผู้หมั้นส่งมอบของหมั้นให้ผู้รับหมั้น
    • หากมีการผิดสัญญาหมั้น คู่กรณีสามารถเรียกร้องค่าทดแทนตามกฎหมายได้

2. การสมรสและการจดทะเบียนสมรส

    • บุคคลที่ต้องการสมรสต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ แต่สามารถขออนุญาตจากศาลหากมีเหตุสมควร
    • การสมรสต้องทำโดยแสดงความยินยอม ต่อหน้านายทะเบียน
    • ในกรณีฉุกเฉิน หากไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ คู่สมรสสามารถแสดงเจตนาต่อหน้าพยานและนำเอกสารไปจดทะเบียนภายใน 90 วัน
    • สามารถใช้นามสกุลของคู่สมรสเป็นชื่อกลางได้ เมื่อได้รับความยินยอม

3. การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ

    • สามารถจดทะเบียนสมรสได้ที่ สำนักงานเขต/ที่ว่าการอำเภอในประเทศไทย หรือ สถานทูตไทยในต่างประเทศ

4. การหย่า

    • การหย่าสามารถทำได้โดย การตกลงร่วมกันหรือผ่านคำสั่งศาล
    • ต้องมีข้อตกลงเกี่ยวกับ อำนาจปกครองบุตร และค่าอุปการะเลี้ยงดู
    • สินสมรสจะถูกแบ่งกันคนละครึ่ง เว้นแต่มีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น

5. การจัดการทรัพย์สินและหนี้สิน

    • ทรัพย์สินระหว่างคู่สมรสแบ่งเป็น สินส่วนตัวและสินสมรส
    • คู่สมรสสามารถจัดการทรัพย์สินร่วมกัน และรับผิดชอบหนี้สินร่วมกัน
    • คู่สมรสมีสิทธิรับ มรดกของอีกฝ่าย ตามกฎหมาย

6. สิทธิประโยชน์และสวัสดิการจากรัฐ

    • สิทธิประโยชน์รวมถึง การลดหย่อนภาษี ประกันสังคม บำเหน็จ-บำนาญชราภาพ

7. การให้ความยินยอมทางการแพทย์

    • คู่สมรสสามารถให้ ความยินยอมแทนอีกฝ่ายในการรักษาพยาบาล
    • หากศาลสั่งให้คู่สมรสฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ไร้ความสามารถ คู่สมรสอีกฝ่ายมีสิทธิเป็น ผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์

8. การอุปการะเลี้ยงดู

    • คู่สมรสสามารถเรียกร้อง ค่าอุปการะเลี้ยงดู หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

9. การรับบุตรบุญธรรม

    • คู่สมรสสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน โดยต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายและเป็นไปตามกฎหมาย

คำแนะนำ

บทความที่เกี่ยวข้อง