ความสำคัญของพิธีฮัจย์
การประกอบพิธีฮัจญ์ ถือเป็นหน้าที่สำหรับมุสลิมทั้งชายและหญิง ทุกคนที่มีความสามารถในด้านร่างกาย ทรัพย์สิน และการเดินทาง ที่จะต้องปฏิบัติ ซึ่งอยู่ในเดือนซุลฮิจญะฮ์ของทุกๆ ปี (เดือนที่ 12 ของปีฮิจเราะห์ศักราช) โดยนักแสวงบุญจะพักอยู่ที่ทุ่งมินา เป็นเวลา 3 วัน เพื่อขอพรและบำเพ็ญตนตามพิธีฮัจย์
ส่วนชาวมุสลิมทั่วโลกที่ไม่ได้ไปประกอบพิธีฮัจย์ ก็จะเฉลิมฉลองทำบุญเลี้ยงอาหารที่บ้าน เรียกวันนี้ว่าวันอีดิลอัฎฮา ซึ่งเป็นวันที่ 10 ของเดือนที่ 12 ของปีฮิจเราะห์ศักราช เป็นวันเฉลิมฉลองมีการเชือดสัตว์พลีให้ผู้คนรับประทานในยามสายหลังตะวันขึ้น แต่ก่อนเที่ยง หรือชาวไทยเชื้อสายมลายูใน 5 จังหวัดภาคใต้เรียกว่าวันรายอ (รายาฮาญี) ซึ่งแปลเป็นไทยตามตรงก็คือ “วันใหญ่” ปีนี้ตรงกับวันที่ 7 มิถุนายน 2568
สำหรับการประกอบพิธีฮัจย์ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ประจำปี 2568 หรือฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) 1446 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 9 มิถุนายน 2568
รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับชาวไทยมุสลิมที่ต้องการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ โดยมีมาตรการครอบคลุมด้านค่าใช้จ่าย การเดินทาง และสุขภาพ เพื่อให้การประกอบพิธีเป็นไปอย่างสะดวก ปลอดภัย และมีคุณภาพ นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานไทยและซาอุดีอาระเบียในการส่งเสริมการเดินทางไปแสวงบุญให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
การอำนวยความสะดวกในการเดินทางและลดค่าใช้จ่าย
รัฐบาลไทย โดยกระทรวงมหาดไทย ได้เตรียมมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในปี พ.ศ. 2568 (ฮ.ศ. 1446) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 9 มิถุนายน 2568 ทั้งนี้ รัฐบาลเน้นให้ความสำคัญกับความเสมอภาคของประชาชนโดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติหรือศาสนา รวมถึงส่งเสริมการเดินทางของชาวไทยมุสลิมด้วยแนวคิด “Hajj 5G 5Good” ซึ่งประกอบด้วย:
Good Price (ราคาดี): ลดค่าใช้จ่ายพื้นฐานต่อคนจาก 250,000 บาท เหลือ 173,000 – 187,000 บาท
Good Service (บริการดี): ปรับปรุงการบริการด้านการเดินทางให้สะดวกและปลอดภัยขึ้น
Good Care (เอาใจใส่ดี): มีมาตรการดูแลผู้เดินทางอย่างทั่วถึง
Good Health (สุขภาพดี): มีการตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง
Good Relations (ความสัมพันธ์ดี): เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานไทยและซาอุดีอาระเบีย
การลดค่าใช้จ่ายเป็นผลจากการเจรจาลดค่าบริการพื้นฐานและค่าตั๋วเครื่องบิน อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่อนุญาตให้ใช้เที่ยวบินพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทยยังมีมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายฮัจย์ไม่ให้เกิน 195,000 บาท ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
การจัดระบบดูแลสุขภาพภายใต้แนวคิด “HEALTH for HAJJ”
กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบดูแลสุขภาพสำหรับชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ภายใต้แนวคิด “HEALTH for HAJJ” โดยมีมาตรการสำคัญ ดังนี้:
1. ก่อนการเดินทาง
การตรวจสุขภาพ
- ผู้แสวงบุญที่ลงทะเบียนเดินทางไปฮัจย์ทุกคนต้องเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อประเมินความพร้อมทางร่างกายและสุขภาพก่อนการเดินทาง
การฉีดวัคซีน
- ผู้แสวงบุญที่ลงทะเบียนเดินทางไปฮัจย์ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น ก่อนเดินทางอย่างน้อย 10 วัน ตามข้อกำหนดของกระทรวงฮัจย์และอุมเราะห์ของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันโรคติดต่ออื่นๆ ที่เหมาะสม
- กระทรวงสาธารณสุขจะออกหนังสือรับรองการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค เพื่อประกอบการขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่า)
สถานที่ให้บริการ
- ผู้แสวงบุญสามารถเข้ารับบริการตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ
- ตั้งแต่บัดนี้ – 31 พฤษภาคม 2568
2. ระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์
- กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งทีมแพทย์และพยาบาลติดตามดูแลผู้แสวงบุญไปยังราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้การรักษาและเฝ้าระวังโรคติดต่อ
- หากมีกรณีฉุกเฉิน ผู้ป่วยจะได้รับการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในซาอุดีอาระเบีย
3. หลังการเดินทางกลับ
- ผู้แสวงบุญจะได้รับการติดตามตรวจสุขภาพเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้น
- กระทรวงสาธารณสุขจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหลังกลับถึงประเทศไทย
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
@gcc_1111 กระทรวงสาธารณสุข อำนวยความสะดวกผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ ✈️🕋 ฉีดวัคซีน 💉 ปลอดภัย ✅ อุ่นใจ 😊 ตลอดการเดินทาง 🚶♂️🌍 #ฮัจย์ #ฮัจญ์ #พิธีฮัจย์ #ฉีดวัคซีน #มุสลิม #อิสลาม #Islamic #Makkah #Saudi #กระทรวงสาธารณสุข #GCC1111 #สายด่วน1111 ♬ เสียงต้นฉบับ - GCC 1111