การขอใบอนุญาตให้นำเข้า สัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า ในบัญชีแนบท้ายหมายเลข 1 ของอนุสัญญาฯ (CITES)

• ระยะเวลาดำเนินการ 10 วันทำการ

• ด้วยประเทศไทยได้ลงนามให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เมื่อปี พ.ศ. 2526 จึงมีพันธะผูกพันในกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งต้องมีการปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว โดยได้มีการควบคุมการนำเข้าซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าในความคุ้มครองแห่งอนุสัญญาฯ ให้มีประสิทธิภาพ มีบทลงโทษต่อผู้ลักลอบนำเข้าซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าดังกล่าว
• รัฐบาลไทยจึงได้ตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งได้มีการควบคุมการนำเข้าซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าชนิดที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (กลุ่มที่ 1 : สัตว์ป่าตามบัญชีแนบท้ายหมายเลข 1 ของอนุสัญญาฯ (CITES)) และการนำเข้าตามความตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการค้าสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าชนิดที่ต้องมีใบอนุญาตหรือใบรับรอง ทั้งนี้ ประสงค์จะควบคุมการนำเข้า เพื่อให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศภายในประเทศ
• บัญชีแนบท้ายหมายเลข 1 หมายถึง ให้รวมถึงชนิดพันธุ์ทุกชนิดที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์และได้รับหรืออาจได้รับผลกระทบจากการค้า การค้าตัวอย่างพันธุ์ของชนิดพันธุ์ดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับที่เข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อมิให้เป็นอันตรายต่อความอยู่รอดของชนิดพันธุ์ โดยจะอนุญาตได้เฉพาะกรณีพิเศษเท่านั้น
• ผู้ที่สามารถขอรับบริการการขออนุญาตให้นำเข้าซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าในบัญชีแนบท้ายหมายเลข 1 ของอนุสัญญาฯ (CITES) ได้แก่ ประชาชนทั่วไป ชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการภาคเอกชน/นิติบุคคล
• การนำเข้าซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าในบัญชีแนบท้ายหมายเลข 1 ของอนุสัญญาฯ (CITES) ต้องปฎิบัติตามเงื่อนไข ดังนี้
  • การนำเข้าดังกล่าวไม่เป็นอันตรายต่อความอยู่รอดของชนิดพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง
  • ผู้รับครอบครองตัวอย่างพันธุ์มีชีวิตได้จัดเตรียมที่อยู่ และมาตรการที่เหมาะสมแก่ตัวอย่างพันธุ์นั้นๆ
  • การนำเข้าตัวอย่างพันธุ์นั้นๆ มิได้มีความมุ่งหมายเบื้องต้นเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
• ทั้งนี้ การพิจารณาอนุญาตเป็นอำนาจของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อได้รับการอนุญาตและลงนามในใบอนุญาตแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ผู้ได้รับอนุญาตชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต โดยใบอนุญาตฉบับจริง เจ้าหน้าที่จะจัดส่งไปยังด่านตรวจสัตว์ป่าที่ระบุในใบอนุญาต ผู้ได้รับอนุญาตต้องดำเนินการนำเข้าซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าผ่านด่านตรวจสัตว์ป่า ตามรายการชนิด และจำนวน ที่ระบุในใบอนุญาตให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ใบอนุญาตจะหมดอายุ และเมื่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าได้ดำเนินการตรวจสอบการนำเข้าซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าเรียบร้อยแล้ว ผู้ได้รับอนุญาตจะได้รับใบอนุญาตฉบับจริง

1. ใบรับรองสุขภาพสัตว์ (Health certificate) สำหรับสัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่านั้นหรือเอกสารการอนุญาตหรือรับรองว่าอยู่ระหว่างการขออนุญาตส่งออกหรือเอกสารการที่จะอนุญาตของหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจรับรองสุขภาพสัตว์ซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายของประเทศที่ส่งออกสัตว์ป่า หรือซากของสัตว์ป่านั้น ( สำเนา 1 ฉบับ ) เฉพาะกรณี สัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า และให้ผู้ขออนุญาต รับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ
2. ใบสั่งสินค้า (Order) หรือใบกำกับสินค้า (Invoice) ( สำเนา 1 ฉบับ ) มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวในระบบของโครงการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามระบบอนุญาตนำเข้า ส่งออก และ นำผ่าน ตามอนุสัญญาไซเตส และให้ผู้ขออนุญาต รับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ
3. ใบรับรองถิ่นกำเนิด (Certificate of Origin) ( สำเนา 1 ฉบับ ) ให้ผู้ขออนุญาต รับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ

ค่าธรรมเนียม

1. สัตว์ป่ามีชีวิต
   • นำเข้า ฉบับละ 500 บาท
   • ส่งออก 
     • 1 ตัว ฉบับละ 50 บาท
     • 2 ตัวขึ้นไป ฉบับละ 500 บาท
2. ซากและผลิตภัณฑ์ของสัตว์ป่า
   • นำเข้าและส่งออก  
     • 1 ตัว ฉบับละ 50 บาท
     • 2 ตัวขึ้นไป ฉบับละ 500 บาท

ติดต่อขอยื่นใบคำร้องด้วยตนเอง ณ หน่วยงาน

• กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ช่องทางออนไลน์

1. โครงการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามระบบอนุญาตนำเข้า ส่งออก และนำผ่าน ตามอนุสัญญาไซเตส
2. ระบบ National Single Window (NSW)