ครม. มีมติยกเลิก “ห้ามการส่งออกงูมีชีวิตและหนังงู” เปิดทางส่งออก “งูสวยงาม” สร้างรายได้เข้าประเทศ
คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2533 เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงู ที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2534 เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร
โดยการยกเลิกมติดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีหลายด้าน ทั้งการสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออก, การสนับสนุนธุรกิจเพาะเลี้ยงงูสวยงามให้กับประชาชนผู้ประกอบการ, และที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำงูมีชีวิตออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งการเปิดให้ส่งออกอย่างถูกกฎหมายภายใต้การกำกับดูแล จะช่วยลดแรงจูงใจในการกระทำผิดได้
ปัจจุบันการซื้อขายงูสวยงามภายในประเทศมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 275 ล้านบาท/ปี คาดว่ามูลค่าการส่งออกงูสวยงามอาจสูงถึง 275 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าธุรกิจที่สืบเนื่องจากงูสวยงาม ซึ่งทำให้เกิดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ เช่น ธุรกิจการผลิตสัตว์อาหารงู ไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท/ปี ธุรกิจอาหารสำหรับเลี้ยงเหยื่องู ไม่ต่ำกว่า 51 ล้านบาท/ปี ธุรกิจอุปกรณ์ในการเลี้ยงงู ไม่ต่ำกว่า 17 ล้านบาท/ปี การรักษางูจากโรงพยาบาลสัตว์ (รวมยาเวชภัณฑ์) ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท/ปี เป็นต้น

22 เมษายน 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ มีมติสำคัญเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้ยกเลิกมติ ครม. เดิมเมื่อปี 2533 และ 2534 ที่ห้ามการส่งออกงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร นับเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดที่บังคับใช้มากว่า 30 ปี เพื่อเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ
การเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ครั้งนี้ นำโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายสดุดี พันธุ์ภักดี ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา (ไซเตส) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ไขปัญหาและเปิดช่องทางให้สามารถส่งออก “งูสวยงาม” ที่เพาะเลี้ยงในประเทศไปยังตลาดต่างประเทศซึ่งมีความต้องการสูง
การยกเลิกมติดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีหลายด้าน ทั้งการสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออก, การสนับสนุนธุรกิจเพาะเลี้ยงงูสวยงามให้กับประชาชนผู้ประกอบการ, และที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำงูมีชีวิตออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งการเปิดให้ส่งออกอย่างถูกกฎหมายภายใต้การกำกับดูแล จะช่วยลดแรงจูงใจในการกระทำผิดได้
โดยปัจจุบันการซื้อขายงูสวยงามภายในประเทศมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 275 ล้านบาท/ปี คาดว่ามูลค่าการส่งออกงูสวยงามอาจสูงถึง 275 ล้านบาท/ปี ซึ่งเทียบเคียงกับมูลค่าการซื้อขายงูสวยงามภายในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าธุรกิจที่สืบเนื่องจากงูสวยงาม ซึ่งทำให้เกิดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ เช่น ธุรกิจการผลิตสัตว์อาหารงู ไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท/ปี ธุรกิจอาหารสำหรับเลี้ยงเหยื่องู ไม่ต่ำกว่า 51 ล้านบาท/ปี ธุรกิจอุปกรณ์ในการเลี้ยงงู ไม่ต่ำกว่า 17 ล้านบาท/ปี การรักษางูจากโรงพยาบาลสัตว์ (รวมยาเวชภัณฑ์) ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท/ปี เป็นต้น
ทั้งนี้ ประชาชนและผู้ประกอบการที่สนใจจะส่งออกงู จะต้องดำเนินการขออนุญาตตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ซึ่งเป็นกรอบกฎหมายที่มีความเข้มงวดในการพิจารณา เพื่อให้มั่นใจว่าการค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ ไม่ทำให้ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าต้องสูญพันธุ์ และป้องกันการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
มติ ครม. ในครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับนโยบายและข้อสั่งการของ รมว.ทส. และ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่เน้นย้ำให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ปราบปรามการลักลอบค้าและล่าสัตว์ป่าอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการทำงานเชิงรุกและบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก
คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2533 เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงู ที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2534 เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติ (9 ตุลาคม 2533 และ 12 พฤศจิกายน 2534) เห็นชอบห้ามการส่งงูมีชีวิต และหนังงูทุกชนิดที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งทำให้ประชาชนและผู้ประกอบกิจการเพาะขยายพันธุ์ งูสวยงามได้รับผลกระทบ โดยในปัจจุบันประเทศไทธมีการเพาะขยายพันธุ์งูสวยงามได้เป็นจำนวนมากและเป็นที่ ต้องการของตลาดต่างประเทศ ซึ่งประชาชนและผู้ประกอบการเห็นว่ามติคณะรัฐมนตรีข้างต้นมีความล้าหลัง ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการเพาะขยายพันธุ์งูสวยงามสามารถส่งออกงูได้ กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จึงขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามการส่งงูมีชีวิตและหนังงูทุกชนิดที่ ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักรมาในครั้งนี้
2. ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการส่งออกงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่ได้แปร รูปออกนอกประเทศ เนื่องจากผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพสูงสามารถผลิตสายพันธุ์งูที่มีความโดดเด่นและเป็นที่ ต้องการของตลาด และผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมาก ถือเป็นข้อได้เปรียบกับประเทศคู่แข่งขันทางการค้า รวมทั้ง ก่อให้เกิดการสร้างอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงงู เช่น ธุรกิจอาหารงู ธุรกิจอุปกรณ์การเลี้ยงงู ธุรกิจการ รักษาพยาบาลงู เป็นต้น รวมทั้งแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลักลอบนำงูมีชีวิตออกนอกประเทศเพราะ สามารถยื่นขออนุญาตส่งออกงูตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และอนุสัญญา CITES ซึ่ง ถือเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่มีความเข้มงวดในการพิจารณาการอนุญาตนำเข้าและส่งออกสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่า เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ ป้องกันการสูญพันธุ์ของชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและ การลักลอบค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย
3. กระทรวงทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง โดยมีความเห็นเพิ่มเติม เช่น ควรควบคุมการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การเพาะพันธุ์และการส่งออกต้องไม่กระทบ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น