กรมการขนส่งทางบก ร่วมลงนามการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535

กรมการขนส่งทางบก ร่วมลงนามการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535

         นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และนายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับเพื่อต่อยอดการเชื่อมโยงข้อมูลจากปี 2563 สำหรับการให้บริการชำระภาษีรถยนต์ประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax และตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ของกรมการขนส่งทางบก ในวันที่ 30 มีนาคม 2564 ณ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย


 

         นายจิรุตม์ วิศาลจิตร กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะลดระยะเวลาการให้บริการประชาชนที่มาติดต่องานด้านทะเบียนและภาษีรถ รวมทั้งลดขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าและไม่ถูกต้องในการรับชำระภาษีรถประจำปี สอดรับกับนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนโยบายรัฐบาลที่ต้องการยกระดับสู่การเป็นระบบราชการ 4.0 ซึ่งในปัจจุบันการรับชำระภาษีรถยังคงใช้หลักฐานการจัดทำประกันภัยรถที่ยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาความคุ้มครองเป็นเอกสารประกอบ (ในรูปแบบกระดาษ) ทำให้เกิดภาระทั้งกับประชาชนผู้ใช้บริการและหน่วยงานของรัฐในการจัดเก็บเอกสารหลักฐานดังกล่าว ดังนั้นความร่วมมือระหว่าง ขบ. กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยไทยครั้งนี้ เพื่อพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ จะช่วยแก้ไขปัญหาและเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ให้กับประชาชนผู้ใช้บริการให้ได้รับประโยชน์สูงสุด เพื่อให้การบริการรับชำระภาษีรถประจำปีมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จากเดิมประชาชนต้องใช้หลักฐานการทำประภัยทำรถภาคบังคับรูปแบบเอกสารเป็นเอกสารประกอบในการชำระภาษีรถประจำปี เมื่อการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงแล้วเสร็จประชาชนไม่ต้องแสดงหลักฐานในรูปแบบกระดาษอีกต่อไป ทำให้การรับชำระภาษีรถประจำปีเป็นไปแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ทั้งการรับชำระภาษีที่เคาน์เตอร์สำนักงาน ช่องทาง Drive Thru บริการรับชำระภาษีที่ห้างสรรพสินค้า หรือ Shop Thru for tax หรือผ่านระบบ e-Service ของ ขบ. และของหน่วยงานหรือหน่วยบริการต่าง ๆ ทั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิส ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ถือเป็นความร่วมมือในการทำงานแบบเชิงรุกเพื่อส่งมอบบริการที่ดี มีคุณภาพ และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานในการลดระยะเวลา

         และขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ลดการใช้กระดาษและพื้นที่การจัดเก็บเอกสาร ทำให้การปฏิบัติงานชำระภาษีรถประจำปีถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้นและการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

         ทั้งนี้ ขบ. ยังคงมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะพัฒนางานให้บริการในทุกมิติ ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการให้บริการกับประชาชนทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งปรับปรุงรูปแบบการให้บริการในทุกกระบวนงาน เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคปัจจุบัน และการดำเนินชีวิตในรูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืนต่อไป

         นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประชาชนนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำรงชีวิตมากขึ้น คปภ. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย ได้เล็งเห็นถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะในการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับและชำระภาษีรถประจำปี จึงได้พัฒนาระบบรายงานข้อมูลประกันภัยรถภาคบังคับ (Compulsory Motor Insurance System : CMIS) อย่างต่อเนื่องและเพิ่มศักยภาพในการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลให้ครอบคลุมทุกช่องทางการชำระภาษีรถประจำปีของ ขบ. ให้มีความรวดเร็ว โดยมีการเข้ารหัสทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัย ซึ่งภาพการทำงานของระบบเชื่อมโยงข้อมูลนี้คือเมื่อประชาชนมายื่นชำระภาษีรถประจำปี ขบ. จะส่งข้อมูลบางรายการเกี่ยวกับรถมายังสำนักงาน คปภ. เช่น เลขทะเบียนรถ ประเภทรถ เพื่อตรวจสอบประกันภัยรถภาคบังคับ และเมื่อมีการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวในระบบฐานข้อมูลของสำนักงาน คปภ. แล้ว ระบบจะแจ้งผลการตรวจสอบไปยัง ขบ. เพื่อใช้ประกอบการรับชำระภาษีรถประจำปีจนเสร็จสิ้น จากนั้นจะแจ้งผลกลับมาทางระบบของสำนักงาน คปภ. อีกครั้ง จะเห็นได้ว่าการพัฒนาระบบดังกล่าวจะช่วยลดภาระทั้งกับประชาชนผู้ใช้บริการและหน่วยงานของรัฐในการจัดเก็บเอกสารหลักฐาน ส่งผลให้ประชาชนได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และครบวงจร ซึ่งจะเป็นการยกระดับการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างแท้จริง ตลอดจนเป็นการส่งเสริมธุรกิจประกันภัยไปสู่การประกันภัยดิจิทัลแบบครบวงจร สอดคล้องกับนโยบายการเป็นรัฐบาลดิจิทัลอีกด้วย ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ ขบ. คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลจึงได้ตกลงจะเก็บรักษาข้อมูลที่ได้จากความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ไว้เป็นความลับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

         นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ตามที่ ขบ. และ คปภ. ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนา และนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาระบบการประกันภัยรถภาคบังคับ โดยเฉพาะจากเดิมเป็นการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบเพื่อการตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ สำหรับการให้บริการชำระภาษีรถยนต์ประจำปีผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax และตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ของ ขบ. เท่านั้น แต่ในวันนี้ได้มีการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับให้ครอบคลุมการชำระภาษีรถทุกช่องทาง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของรถได้รับประโยชน์ที่แท้จริง ทั้งยังสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องได้โดยสะดวกและรวดเร็ว ทั้งนี้ภาคธุรกิจประกันภัยรถยนต์ได้มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบในการรับประกันภัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถในการจัดหาประกันภัย รวมถึงการส่งเสริมให้มีการเข้าถึงประกันภัยได้ง่าย เช่น การปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับประกันภัยเป็นระบบออนไลน์ การสนับสนุนและส่งเสริมให้สามารถรายงานข้อมูลต่อสำนักงาน คปภ. แบบ Real-time เพื่อให้มีศูนย์ข้อมูลกลางในการตรวจสอบการประกันภัยรถภาคบังคับ รวมถึงได้ผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการประกันภัยรถภาคบังคับระหว่างหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการและส่งเสริมการพัฒนาระบบการตรวจสอบการประกันภัยรถภาคบังคับให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้รถในประเทศไทยมีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับครอบคลุมมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนและผู้ประสบภัยจากรถได้รับความคุ้มครองตามเจตนารมณ์ที่ได้มีการตรากฎหมายไว้แต่แรก ในวันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ร่วมกับ ขบ. และ คปภ. พัฒนาระบบถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลครบวงจร ทั้งระบบรับประกันภัยและระบบการชำระภาษีประจำปี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นรูปแบบที่มีส่วนส่งเสริมและสนับสนุนประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมต่อไป

 


ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/40528