กระทรวงคมนาคม เปิดเผยเริ่มบังคับใช้กฎหมายความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
กระทรวงคมนาคม เปิดเผยเริ่มบังคับใช้กฎหมายความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นำร่อง ช่วงแรก 46 กิโลเมตร บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วงบางปะอิน – ต่างระดับอ่างทอง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธี เริ่มต้นใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นำร่องบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง ระยะทาง 46 กิโลเมตร ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป ประชาชนที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 หรือสายเอเชีย บางปะอิน – พยุหะคีรี ช่วงอยุธยา – อ่างทอง ระหว่าง กม. 4+100 ถึง กม. 50+000 ทั้งขาเข้าและขาออก ระยะทาง 46 กิโลเมตร กฎหมายเริ่มมีผลบังคับใช้เป็นเส้นทางแรกในการใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้เตรียมนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นผลสำเร็จ และประกาศกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วฉบับใหม่ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เฉพาะถนนที่ได้มาตรฐานตามที่กฎกระทรวงกำหนด มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป ไม่มีจุดกลับรถระดับราบ มีเกาะกลางถนนแบบกำแพงกั้น และมีความปลอดภัยด้านวิศวกรรมสูง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ใช้อัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยสูง โดยกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ได้ปรับปรุงเพิ่มมาตรฐานทางกายภาพ ทั้งเสริมการก่อสร้างอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างทาง (Concrete Barrier) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเนื่องจากการเสียหลักตกเกาะกลาง ปรับปรุงจุดกลับรถระดับราบ เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร ติดตั้งป้ายจราจรและป้ายเปลี่ยนข้อความได้เพื่อสื่อสารการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในแต่ละช่องจราจร รวมทั้งติดตั้งแถบเตือน Rumble Strips เพื่อแจ้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการเข้าเขตควบคุมความเร็ว
อย่างไรก็ตามภายในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ กรมทางหลวงมีแผนจะประกาศใช้สายทางในระยะที่ 2 ครอบคลุมเส้นทางในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ระยะทางประมาณ 260 กิโลเมตร เช่น ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วง อ่างทอง – สิงหบุรี ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงหางน้ำหนองแขม – นครสวรรค์ ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนบ่อทาง-มอจะบก และทางหลวงหมายเลข 4 ช่วง เขาวัง-สระพระ เป็นต้น พร้อมทั้งดำเนินการต่อเนื่องเพิ่มเติมบนทางหลวงสายหลัก อีกประมาณ 1,760 กิโลเมตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้แบ่งการใช้ความเร็วเป็น 3 ระดับ ช่องซ้ายสุด ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่องกลางไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยในช่องขวาขับขี่ไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วแตกต่างกันในเส้นทาง ใช้ทางสาธารณะร่วมกันได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
สำหรับรถประเภทอื่น ๆ ได้มีการพิจารณาปรับกำหนดความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม โดยรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง /รถในขณะลากจูงรถอื่น รถสี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง /รถจักรยานยนต์ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เว้นแต่รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือกระบอกลูกสูบรวม 400 CC. ขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถโรงเรียนใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรถโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210401153855254
