บอร์ด สปสช. เห็นชอบเพิ่มทางเลือกการรักษา “ผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษรุนแรง” ด้วยวิธีกรองพลาสมา

บอร์ด สปสช. เห็นชอบเพิ่มทางเลือกการรักษา “ผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษรุนแรง” ด้วยวิธีกรองพลาสมา


          บอร์ด สปสช. เห็นชอบข้อเสนอสมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย เพิ่มทางเลือกการรักษา “ผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษรุนแรง” ด้วยวิธีกรองพลาสมา ทางเลือกช่วยผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา ไม่เป็นภาระงบประมาณ


 

 

          เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 – นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยมีมติเห็นชอบ ”สิทธิประโยชน์การรักษาคนไข้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (Hyperthyroidism) ที่มีภาวะไทรอยด์เป็นพิษรุนแรงด้วยวิธีการกรองพลาสมา (Plasmapheresis)” เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกการรักษาให้กับผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ซึ่งดำเนินการจากข้อเสนอของสมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย

          นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในการดำเนินงานการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีหลักการสำคัญคือการดูแลประชาชนที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพภาครัฐรองรับ ให้เข้าถึงการรักษาและบริการสาธารณสุขที่จำเป็นได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง ทั้งนี้รวมถึงโรคที่มีภาวะซับซ้อนที่ต้องได้รับการรักษาระดับตติยภูมิ โดยพิจารณาควบคู่กับงบประมาณในระบบ ซึ่งในวันนี้บอร์ด สปสช. ได้พิจารณาและเห็นชอบ “สิทธิประโยชน์การรักษาคนไข้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปที่มีภาวะไทรอยด์เป็นพิษรุนแรง (Thyroid crisis) และไม่ตอบสองต่อการใช้ยารักษาด้วยวิธีการกรองพลาสมา” ให้เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2568 เบิกจ่ายจากงบผู้ป่วยในตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (Diagnosis Related Groups : DRGs) เนื่องจากมีผลกระทบต่อภาระงบประมาณไม่มาก โดยที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายสำหรับบริการฯ แล้ว

          นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังได้มอบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประสานสมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย เรื่องแนวทางเวชปฏิบัติการทำวิธีการกรองพลาสมาในการรักษาคนไข้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป และประสานกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการ

          ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ข้อเสนอสิทธิประโยชน์นี้ ทางสมาคมต่อมไร้ท่อได้เสนอเพื่อเพิ่มการรักษาให้กับผู้ป่วย โดยสปสช.ได้นำเข้าสู่โครงการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ ยูซีบีพี (UCBP) และจากฐานข้อมูล E-Claim สปสช. ปี 2567 มีผู้ป่วยต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปจำนวน 33,319 คน มีเพียงจำนวน 33 คน ที่ต้องรักษาด้วยวิธีการกรองพลาสมา และในจำนวนผู้ป่วยมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษรุนแรงจำนวน 1,719 คน มีเพียง 20 คน ที่ต้องรักษาด้วยวิธีการกรองพลาสมา ซึ่งการรักษาวิธีนี้จะให้การดูแลเฉพาะผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ คือผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษรุนแรงที่มีข้อห้ามในการใช้ยาต้านไทรอยด์ หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา และเพื่อการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษรุนแรงก่อนการรักษาด้วยการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ โดยการให้บริการจะต้องดำเนินการภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งเป็นบริการเฉพาะในโรงพยาบาลตติยภูมิและโรงพยาบาลเอกชน

          ในส่วนของค่ารักษานั้น เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า จากการคำนวณด้วยค่า DRGs เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาทต่อราย โดยปีงบประมาณ 2568 ในช่วงเวลาที่เหลือคาดว่าจะมีผู้ป่วยจำนวน 70 ราย และปี 2569 คาดการณ์ผู้ป่วยมีจำนวน 170 ราย ซึ่งจากข้อมูลนี้สะท้อนถึงภาระงบประมาณที่ไม่มาก แต่ทำให้ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับการรักษาด้วยวิธีนี้สามารถเข้าถึงได้

          “ต่อมไทรอยด์มีหน้าที่ในสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ที่มีความสำคัญต่อการทำงานของอวัยวะทุกส่วน ช่วยให้ร่างกายมีความสมดุล แต่หากต่อมไทรอยด์ทำงานมากจนเกินปกติ สร้างฮอร์โมนไทรอยด์มากกว่าที่ร่างกายต้องการ ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพที่ร้ายแรงได้ ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษา และเข้าถึงวิธีการรักษาที่จำเป็นในกรณีที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยา ดังนั้นทางบอร์ด สปสช. จึงเห็นชอบให้ สปสช. ดำเนินการในวันนี้” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

  • สายด่วน สปสช. 1330
  • ช่องทางออนไลน์
    • ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
    • Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand

 


 

ที่มา : Facebook สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ