ปภ. สั่งการทุกจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังพายุฝนฟ้าคะนองและภัยพิบัติ ช่วง 9 – 13 พ.ค. 68

ปภ. สั่งการทุกจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังพายุฝนฟ้าคะนองและภัยพิบัติ ช่วง 9 – 13 พ.ค. 68

          ปภ. แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และ กทม. เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 9 – 12 พฤษภาคม 2568


 

          นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 2 (111/2568) ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.00 น. แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 9 – 12 พฤษภาคม 2568 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบางพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เนื่องจากลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น นอกจากนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แจ้งพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมือง โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย ระหว่างวันที่ 9 – 13 พฤษภาคม 2568 ดังนี้

พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร

  • พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม แยกเป็น
    • ภาคเหนือ 12 จังหวัด ได้แก่
      • จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอปาย และอำเภอปางมะผ้า)
      • จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง อำเภอพร้าว อำเภอแม่อาย อำเภอฝาง อำเภอไชยปราการ อำเภอจอมทอง อำเภอสะเมิง อำเภอแม่วาง และอำเภอแม่ริม)
      • จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สรวย อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน อำเภอเทิง และอำเภอพาน)
      • จังหวัดลำปาง (อำเภอสบปราบ อำเภอวังเหนือ อำเภองาว และอำเภอเกาะคา)
      • จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา อำเภอแม่ใจ อำเภอภูกามยาว อำเภอดอกคำใต้ และอำเภอเชียงม่วน)
      • จังหวัดแพร่ (อำเภอเมืองแพร่ อำเภอสอง อำเภอร้องกวาง และอำเภอหนองม่วงไข่)
      • จังหวัดน่าน (อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น)
      • จังหวัดอุตรดิตถ์ (อำเภอท่าปลา และอำเภอฟากท่า)
      • จังหวัดสุโขทัย (อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอกงไกรลาศ และอำเภอคีรีมาศ)
      • จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอขาณุวรลักษบุรี และอำเภอบึงสามัคคี)
      • จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอวังทอง อำเภอชาติตระการ และอำเภอนครไทย)
      • จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอแม่วงก์)
    • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่
      • จังหวัดเลย (อำเภอเมืองเลย อำเภอเชียงคาน อำเภอภูกระดึง อำเภอผาขาว และอำเภอภูเรือ)
      • จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย และอำเภอรัตนวาปี)
      • จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอปากคาด)
      • จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอคอนสาร อำเภอบ้านเขว้า และอำเภอจัตุรัส)
      • จังหวัดมหาสารคาม (อำเภอวาปีปทุม)
      • จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอคง อำเภอบ้านเหลื่อม อำเภอจักราช และอำเภอพิมาย)
      • จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอปราสาท อำเภอกาบเชิง และอำเภอสังขะ)
      • จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอเขื่องใน และอำเภอสำโรง)
    • ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่
      • จังหวัดสระแก้ว (อำเภอคลองหาด และอำเภออรัญประเทศ)
      • จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และอำเภอบ้านโพธิ์)
      • จังหวัดชลบุรี (อำเภอเมืองชลบุรี และอำเภอศรีราชา)
      • จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเขาคิชฌกูฏ และอำเภอมะขาม)
      • จังหวัดตราด (อำเภอบ่อไร่ และอำเภอเขาสมิง)
    • ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่
      • จังหวัดชุมพร (อำเภอสวี และอำเภอหลังสวน)
      • จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเกาะสมุย เกาะพะงัน ดอนสัก และอำเภอกาญจนดิษฐ์)
      • จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอขนอม สิชล และอำเภอนบพิตำ)
      • จังหวัดยะลา (อำเภอยะหา และอำเภอรามัน)
      • จังหวัดนราธิวาส (อำเภอเจาะไอร้อง สุไหงปาดี สุไหงโก-ลก และอำเภอแว้ง)
      • จังหวัดระนอง (อำเภอกะเปอร์ และอำเภอสุขสำราญ)
      • จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า เกาะยาว และอำเภอท้ายเหมือง)
      • จังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
      • จังหวัดกระบี่ (อำเภอคลองท่อม และอำเภอเหนือคลอง)
      • จังหวัดตรัง (อำเภอวังวิเศษ)
      • จังหวัดสตูล (อำเภอละงู ควนกาหลง และอำเภอทุ่งหว้า)
  • พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมขัง
    • ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่
      • จังหวัดนนทบุรี (อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางกรวย และอำเภอปากเกร็ด)
      • จังหวัดปทุมธานี (อำเภอลำลูกกา และอำเภอคลองหลวง)
      • จังหวัดสมุทรปราการ (อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางพลี อำเภอบางบ่อ และอำเภอพระสมุทรเจดีย์)
    • กรุงเทพมหานคร

          กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ทุกเขต โดยติดตามสภาพอากาศ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า กรณีพื้นที่เสี่ยงฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกล้มทับ รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

          ส่วนกรณีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่แต่ละจุดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม อาจส่งผลให้เกิดอุทกภัยได้ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ขอให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

          ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

 


 

ที่มา : Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM