ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
อภ. เร่งผลิต ‘ฟาวิฯ-โมลนูฯ’ เพิ่ม 4 เท่า หลังของเก่าหมดสต๊อก เตรียมเปิดโรงงานรังสิต 2 หากวิกฤตรุนแรง
องค์การเภสัชกรรม เปิดเผย “ยาฟาวิพิราเวียร์-โมลนูพิราเวียร์” ของเก่าหมดสต๊อก หลังเจอคำสั่งซื้อทะลักช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเร่งรัดกระบวนการผลิต กระจายแล้วบางส่วน คาดส่งมอบทั้งหมดได้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ขณะนี้เร่งผลิตเพิ่มขึ้น 4 เท่า พร้อมดำเนินการคู่ขนาน ลดระยะเวลา เตรียมแผนรองรับกรณี Worst Case อาจพิจารณาเปิดใช้โรงงานรังสิต เฟส 2 หากความต้องการสูง
พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งถึงสถานการณ์ ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) และยาโมลนูพิราเวียร์ (MoInupiravir) ซึ่งพบว่ามีปริมาณคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมากจนส่งออกหมดสต๊อกไปตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (20 พ.ค.) อย่างไรก็ตามเมื่อวันพฤหัสบดี (22 พ.ค.) ทาง อภ. ได้เร่งกระบวนการผลิตจนสามารถส่งออกไปได้แล้วอีกประมาณครึ่งหนึ่งของคำสั่งซื้อที่คงค้างอยู่ และคาดว่าน่าจะสามารถส่งมอบยาที่เหลือได้ภายในวันพุธนี้ (28 พ.ค.) โดยจะจัดส่งแบบเร่งด่วนให้กับหน่วยบริการต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ภายใน 1 วัน และต่างจังหวัดไม่เกิน 3 วัน
พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า เดิมทียาทั้ง 2 ตัวดังกล่าวนั้นมีสต๊อกอยู่ค่อนข้างมาก และไม่ค่อยมีปริมาณคำสั่งซื้อเข้ามาเท่าไรนัก แต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วทาง อภ. ได้มีการเพิ่มการผลิตไว้ราว 2 เท่า เพื่อเตรียมรองรับในช่วงฤดูฝนที่คาดว่าอาจมีการระบาดเพิ่มมากขึ้น แต่ในกระบวนการผลิตนั้นจะใช้เวลาประมาณ 10 วันทำการ ซึ่งเดิมทียาล็อตดังกล่าวจะออกมาได้วันจันทร์ (26 พ.ค.) กระทั่งในช่วงหลังที่โรคโควิด 19 มีการระบาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้คำสั่งซื้อยาเพิ่มมากขึ้นถึงจุดสูงสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) ทาง อภ. จึงได้เร่งรัดกระบวนการต่างๆ จนสามารถส่งยาออกไปได้ครึ่งหนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดี (22 พ.ค.)
“ตอนนี้เราเร่งทำงานทั้งเสาร์ อาทิตย์ และเร่งขั้นตอนการผลิต จากเดิมยา 1 ล็อตจะใช้เวลาประมาณ 10 วันทำการ เพื่อผ่านกระบวนการ QC อะไรต่างๆ แต่ตอนนี้เราเดินหน้าทำคู่ขนานในกระบวนการบางอย่างที่ทำได้ ทำให้สามารถส่งออกไปได้ก่อนแล้วครึ่งหนึ่ง และจะมีส่งเพิ่มได้อีกวันที่ 28 พ.ค.นี้ ที่น่าจะส่งมอบได้หมดตามคำสั่งซื้อเดิมที่ค้างอยู่” พญ.มิ่งขวัญ ระบุ
พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า แต่ขณะเดียวกันตอนนี้ก็มีคำสั่งซื้อที่ทยอยเพิ่มเข้ามาอีกเรื่อยๆ และหากในปีนี้มีการระบาดของโรคเพิ่มมากขึ้น ก็อาจจำเป็นต้องสับกำลังการผลิตยาอื่นเพื่อมาผลิตยา 2 ตัวนี้มากขึ้น โดยปัจจุบันทาง อภ. ได้เตรียมรองรับการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 4 เท่า และสั่งซื้อวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับ ซึ่งคาดว่าน่าจะเพียงพอกับความต้องการ หากปริมาณการระบาดยังใกล้เคียงปัจจุบัน แต่ก็ได้มีการคาดการณ์แผนต่างๆ เอาไว้รองรับ ซึ่งหากเป็นกรณี Worst Case ที่มีความต้องการมากจนต้องเปิดสายการผลิตเพิ่มอีกจริงๆ ก็อาจต้องพิจารณาใช้โรงงานผลิตยารังสิต เฟส 2 เข้ามาเพิ่มกำลังการผลิตไปก่อนด้วย
ที่มา : Website TheCoverage