สำนักงานประกันสังคม ร่วมกับ 6 ธนาคาร ในโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2568 – 2569)

          สำนักงานประกันสังคม ร่วมกับ 6 ธนาคาร ในโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2568 – 2569) เพื่อผู้ประกอบการ วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท

          สำนักงานประกันสังคม ร่วมกับ ธนาคาร 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ในโครงการ สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2568 – 2569) เพื่อผู้ประกอบการ วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท

วงเงินสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ แบ่งตามจำนวนลูกจ้าง ดังนี้

• • ไม่เกิน 200 คน : กู้ได้ไม่เกิน 15 ล้านบาท
  • 201 – 500 คน : กู้ได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท
  • 501 คนขึ้นไป : กู้ได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท

อัตราดอกเบี้ย

• • อัตราดอกเบี้ย (คงที่ใน 3 ปีแรก)
    • กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน : ไม่เกิน ร้อยละ 2.35 ต่อปี
    • กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน : ไม่เกิน ร้อยละ 4.75 ต่อปี
  • หมายเหตุ เฉพาะธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย : กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 2.00 ต่อปี สำหรับลูกค้ารายเดิมที่เคยได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อโครงการฯ ก่อนหน้านี้และมีประวัติการชำระเงินดี ทั้งนี้ เป็นไปตามดุลยพินิจของธนาการ
  • ปีที่ 4 เป็นต้นไป เป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
    • เฉพาะธนาคารไทยเครดิต:
    • กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน : MRR – ร้อยละ 2.00 ต่อปี
    • กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน : MRR + ร้อยละ 3.00 ถึง 5.00 ต่อปี

ขั้นตอนการกู้

• • ขั้นตอนที่ 1 ติดต่อขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นสถามประกอบการที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม (พพพ.รรo.go.th)
  • ขั้นตอนที่ 2 ติดต่อยื่นคำขอสินเชื่อที่ธนาคาร ได้จนถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2569 โดยธนาคารเป็นฝ้ายพิจารณาสินเชื่อตามระเบียบธนาคาร
  • ขั้นตอนที่ 3 ธนาคารแจ้งผลการพิจารณากับสถานประกอบการโดยตรง

คุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อ

• • เป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคม
  • ได้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 12 เดือนติดต่อกัน

ระยะเวลาการขอสินเชื่อ

• • ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 ถึง 30 ธันวาคม 2569 หรือจนกว่าจะครบวงเงินโครงการ

ที่มา : Facebook สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน – Social Security Office