กรมอุทยานฯ ประเมินความเสียหายแนวปะการังอ่าวจาก อช.หมู่เกาะสุรินทร์ รวมกว่า 12 ล้านบาท

กรมอุทยานฯ ประเมินความเสียหายแนวปะการังอ่าวจาก อช.หมู่เกาะสุรินทร์ รวมกว่า 12 ล้านบาท

           กรมอุทยานฯ ประเมินความเสียหายแนวปะการังอ่าวจาก อช.หมู่เกาะสุรินทร์ รวมกว่า 12 ล้านบาท ความคืบหน้ากรณีเรือขนส่งสินค้าชาติเมียนมา “MV.AYAR LINN” เกยตื้นอยู่บนแนวปะการัง บริเวณอ่าวจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงาจนสร้างความเสียหายให้กับปะการังว่า

           จากการตรวจสอบ พบระยะทางตั้งแต่ต้นทางที่มีการชนแนวปะการังจากจุดแรกจนถึงจุดที่เรือเกยตื้น รวม 75 เมตร เบื้องต้นประเมินพื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหาย คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 150 ตารางเมตร

           กรมอุทยานฯ ได้คำนวณค่าเสียหายที่เกิดจากการทำลายพื้นที่แนวปะการังกว่า 12 ล้านบาท รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการลงไปสำรวจความเสียหายในท้องทะเลด้วย ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและแพ่ง


 

           นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเรือขนส่งสินค้าชาติเมียนมา “MV.AYAR LINN” เกยตื้นอยู่บนแนวปะการังบริเวณอ่าวจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนสร้างความเสียหายให้กับปะการังว่า จากการตรวจสอบ พบระยะทางตั้งแต่ต้นทางที่มีการชนแนวปะการังจากจุดแรกจนถึงจุดที่เรือเกยตื้น รวม 75 เมตร

           เบื้องต้นประเมินพื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหาย คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 150 ตารางเมตร กรมอุทยานฯ ได้คำนวณค่าเสียหายที่เกิดจากการทำลายพื้นที่แนวปะการังกว่า 12 ล้านบาท รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการลงไปสำรวจความเสียหายในท้องทะเลด้วย ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและแพ่ง

           อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดเหตุ เจ้าของเรือยังไม่แสดงตัว แต่กรมอุทยานฯ จะพยายามติดต่อให้มาชดเชยค่าเสียหายดังกล่าวให้เร็วที่สุด โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือ สินค้าที่อยู่บนเรือ มีขยะจำพวกกระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยาง และขยะอื่นๆ จำนวนหนึ่ง ตกค้างและติดอยู่บนแนวปะการัง และยังมีปูนซีเมนต์อีกกว่า 3,000 กระสอบ ที่ต้องระมัดระวังไม่ให้ตกลงไปในทะเลเช่นกัน ส่วนความกังวลเรื่องการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิงจากเรือลงสู่ทะเล ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งปฏิบัติกู้เรือดังกล่าวออกจากพื้นที่แล้ว

           อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังกล่าวถึงชนิดปะการังที่แตกหักและได้รับความเสียหาย คือ ปะการังสีน้ำเงิน ว่า เป็นชนิดปะการังที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ประมาณร้อยละ 80 ของปะการังทั้งหมดที่ถูกเรือชน ส่วนปะการังเขากวางเสียหายประมาณร้อยละ 15 ปะการังโขดเสียหายประมาณร้อยละ 5 ปะการังสมองร่องสั้นเสียหายค่อนข้างน้อยเกิดการแตกหักไป 4 โคโลนี ปะการังดอกกะหล่ำเสียหายค่อนข้างน้อย เกิดการแตกหักไป 3 โคโลนี ปะการังดาวเหลี่ยมเสียหายน้อยมากเกิดการแตกหักไป 1 โคโลนี

           เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยังแจ้งว่า เรือขนส่งสินค้าลำนี้ พยายามจะหลบเจ้าหน้าที่ฝั่งเมียนมา แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าหลบหนีในเรื่องอะไร เบื้องต้น พบว่าสินค้าที่อยู่บนเรือเป็นสินค้าถูกต้องตามกฎหมาย โดยเรือลำดังกล่าว พยายามอ้อมจนไปชนกองหิน จนเรือรั่ว ก่อนจะพยายามนำเรือเข้าฝั่งหาที่จอด แต่กลับมาเกยแนวปะการังดังกล่าวแทน

 



ที่มา : Website : NBT CONNEXT