ประกาศฤดูน้ำแดง ประจำปี 2568

ประกาศมาตรการคุ้มครองสัตว์น้ำจืดมีไข่ “ฤดูน้ำแดง” ประจำปี 2568

ประกาศคุ้มครองสัตว์น้ำจืดช่วงฤดูน้ำแดง ปี 2568

     กรมประมงดำเนินมาตรการคุ้มครองสัตว์น้ำจืดในฤดูวางไข่ หรือที่เรียกว่า “ฤดูน้ำแดง” โดยกำหนดห้ามทำการประมงในช่วงเวลาที่สัตว์น้ำมีการสืบพันธุ์และเลี้ยงตัวอ่อน เพื่อให้สัตว์น้ำได้เพิ่มจำนวนอย่างเหมาะสม ฟื้นฟูทรัพยากรอย่างยั่งยืน และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประชาชน

สาระสำคัญของมาตรการ

ห้ามทำการประมง ในช่วงเวลาที่กำหนด พร้อมควบคุมวิธีและเครื่องมือที่ใช้

ประกาศฉบับนี้ มิให้ใช้บังคับในกรณี

    1. การทำการประมง เพื่อศึกษา วิจัย ทดลองทางวิชาการ การทำการประมง ในพื้นที่โครงการที่ดำเนินโดยราชการ ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก “อธิบดีกรมประมง” หรือ เพื่อการช่วยชีวิตสัตว์น้ำโดยเจ้าหน้าที่กรมประมงหรือภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่กรมประมง
    2. คณะกรรมการประมงประจำจังหวัดออกประกาศกำหนดพื้นที่ เครื่องมือ วิธีการทำการประมงและเงื่อนไขในการทำการประมงไว้เป็นอย่างอื่น

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา (ปี 2566–2567)

  • รักษาพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำไว้ได้ 84.4% จากพื้นที่ประเมิน
  • ดำเนินงานครอบคลุม 20 ลุ่มน้ำ 40 จังหวัด 61 แหล่งน้ำ
  • สำรวจพันธุ์ปลา 165 ชนิด รวมกว่า 53,000 ตัวอย่าง

แนวโน้มปี 2568

  • ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาชี้ว่า ประเทศไทยจะมีฝนมากกว่าปกติช่วงกลางปี ซึ่งสอดคล้องกับฤดูวางไข่ จึงเป็นช่วงเหมาะสมในการต่ออายุมาตรการดังกล่าว

พื้นที่และห้วงเวลาห้ามทำการประมง ในฤดูสัตว์น้ำวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อน

⛔ ห้ามทำการประมงในช่วงเวลาที่กำหนดในบริเวณ:

  • แม่น้ำ ลำคลอง ลำธาร ห้วย หนอง บึง อ่างเก็บน้ำ เขื่อน พรุ
  • ลำน้ำสาขา รวมถึง ป่าไม้และพื้นที่ดินที่ถูกน้ำท่วมตามธรรมชาติที่เชื่อมต่อกับบริเวณดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือที่ดินเอกชน

ช่วงที่ 1 : 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม ของทุกปี

ครอบคลุมพื้นที่ 33 จังหวัด ดังนี้:

ภาคเหนือ

  1. เชียงราย
  2. เชียงใหม่
  3. น่าน
  4. พะเยา
  5. แพร่
  6. แม่ฮ่องสอน
  7. ลำปาง
  8. ลำพูน
  9. อุตรดิตถ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  1. เลย
  2. อุดรธานี
  3. หนองคาย
  4. บึงกาฬ
  5. นครพนม
  6. สกลนคร

เพิ่มเติม พื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแผนที่ท้ายประกาศ

ภาคกลาง

  1. กำแพงเพชร
  2. พิษณุโลก
  3. สุโขทัย
  4. พิจิตร

ภาคตะวันตก

  1. ตาก
  2. กาญจนบุรี 
  3. ราชบุรี 
  4. เพชรบุรี
  5. ประจวบคีรีขันธ์

ภาคใต้

  1. ชุมพร
  2. สุราษฎร์ธานี
  3. นครศรีธรรมราช  
  4. ระนอง
  5. พังงา
  6. ภูเก็ต
  7. กระบี่
  8. ตรัง
  9. สตูล

ช่วงที่ 2 : 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม ของทุกปี

ครอบคลุมพื้นที่ 39 จังหวัด ดังนี้:

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  1. หนองบัวลำภู
  2. ขอนแก่น
  3. ชัยภูมิ
  4. นครราชสีมา
  5. มหาสารคาม
  6. กาฬสินธุ์
  7. ร้อยเอ็ด
  8. มุกดาหาร
  9. ยโสธร
  10. อำนาจเจริญ
  11. อุบลราชธานี
  12. ศรีสะเกษ
  13. สุรินทร์
  14. บุรีรัมย์

เว้นแต่ ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้อยู่ภายใต้บังคับระยะเวลาตาม ช่วงที่ 1

ภาคกลาง

  1. กรุงเทพมหานคร
  2. นนทบุรี
  3. ปทุมธานี
  4. นครปฐม
  5. นครนายก
  6. สมุทรปราการ
  7. สมุทรสาคร
  8. สมุทรสงคราม
  9. พระนครศรีอยุธยา
  10. สุพรรณบุรี
  11. สระบุรี
  12. สิงห์บุรี
  13. ลพบุรี
  14. เพชรบูรณ์
  15. นครสวรรค์
  16. ชัยนาท
  17. อุทัยธานี
  18. อ่างทอง

ภาคตะวันออก

  1. ปราจีนบุรี
  2. สระแก้ว
  3. ฉะเชิงเทรา
  4. ชลบุรี
  5. ระยอง
  6. จันทบุรี
  7. ตราด 

ช่วงที่ 3 : 1 กันยายน – 30 พฤศจิกายน ของทุกปี

ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่:

    • พัทลุง, สงขลา, ปัตตานี, นราธิวาส และยะลา

เครื่องมือและวิธีการประมงที่อนุญาตให้ใช้ได้

อนุญาตให้ทำประมงโดยใช้เครื่องมือที่ไม่ทำลายพันธุ์สัตว์น้ำ ดังนี้:

    1. เบ็ดทุกชนิด ยกเว้น เบ็ดราว เบ็ดพวงที่ทำการประมง โดยวิธีการกระชาก (เบ็ดนรก/เบ็ดกระชาก) หรือการใช้เครื่องมืออื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
    2. ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และชนาง ที่มีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร และไม่ทำการประมง ด้วยวิธีประดาตั้งแต่ 3 เครื่องมือขึ้นไป
    3. สุ่ม ฉมวก ส้อม
    4. ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน
    5. แห (ที่มีความลึกไม่เกิน 6 ศอก หรือประมาณ 3 เมตร)

       ทั้งนี้ ในกรณีที่คณะกรรมการประมงประจำจังหวัดประกาศกำหนดมาตรการอนุรักษ์ ในพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใด โดยห้ามทำการประมงที่ใช้เครื่องมือ วิธีการทำการประมง และเงื่อนไขในการทำการประมงอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามข้อ 1 – 5 ที่เข้มงวดกว่า ให้ถือปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการประมงจังหวัดนั้น

บทกำหนดโทษ

  • ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรการดังกล่าว ใช้เครื่องมือชนิดอื่นนอกเหนือจากที่อนุญาตให้ใช้ตามประกาศ มีความผิดตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
  • ปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำ ที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า

สอบถามเพิ่มเติม

  • Call Center กรมประมง โทร. 0 2562 0600 ถึง 15
  • กองตรวจการประมง โทร. 0 2562 0568
  • กองบริการจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ โทร. 0 2561 0320
  • สำนักงานประมงจังหวัดในพื้นที่