กรมควบคุมมลพิษ เดินหน้าแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนสารปนเปื้อนแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

กรมควบคุมมลพิษ เดินหน้าแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนสารปนเปื้อนแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

          กรมควบคุมมลพิษ เดินหน้าแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนสารปนเปื้อนแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จ.เชียงราย โดยกรมควบคุมมลพิษได้ติดตาม ตรวจสอบ คุณภาพน้ำ และตะกอนดิน เพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนสารโลหะหนัก พร้อมแจ้งเตือนประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้ดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพน้ำผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษอย่างสม่ำเสมอ มีการจัดเวทีชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับภาคประชาชน ให้เกิดการรับรู้ และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

          นอกจากนี้ได้มีการจัดการเจรจาหารือระดับรัฐบาล กับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ในกรณีการทำเหมืองบริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งขณะนี้ ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานกำหนดเวลาการเจรจาโดยเร็วที่สุด สำหรับข้อมูลและประเด็นการเจรจาบางส่วนได้ดำเนินการไว้แล้ว


 

       รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน) ได้มีการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย โดยให้ คพ. ติดตาม ตรวจสอบ คุณภาพน้ำ และตะกอนดิน เพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนสารโลหะหนัก แจ้งเตือนประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คพ. ได้ดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพน้ำผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษอย่างสม่ำเสมอ มีการจัดเวทีชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับภาคประชาชน ให้เกิดการรับรู้ และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ได้มีการจัดการเจรจาหารือระดับรัฐบาล กับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ในกรณีการทำเหมืองบริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดย รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งขณะนี้ ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานกำหนดเวลาการเจรจาโดยเร็วที่สุด สำหรับข้อมูลและประเด็นการเจรจาบางส่วนได้ดำเนินการไว้แล้ว


           ข้อเสนอการดักตะกอน คพ. ได้ร่วมวางแผนการดำเนินงานเพื่อดักตะกอนโดยดำเนินการคู่ขนานระหว่างช่วงการเจรจา จะนำตะกอนที่มีสารโลหะหนักออกจากลำน้ำที่ปนเปื้อน เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้กรมทรัพยากรน้ำอยู่ระหว่างออกแบบระบบดักตะกอน และจะเริ่มจัดทำโดยเร็ว

 



ที่มา : Facebook : กรมควบคุมมลพิษ