ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ เตือน “ของเล่นแถมเข็มฉีดยา” อันตรายหากเด็กนำไปใช้ในทางที่ผิด

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ เตือน “ของเล่นแถมเข็มฉีดยา” อันตรายหากเด็กนำไปใช้ในทางที่ผิด


          ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เตือนภัยอันตรายจากของเล่น “ตุ๊กตาโมนิ” หรือ “ของเล่นกดสิว” แถมเข็มฉีดยา แนะผู้ปกครองงดซื้อของเล่นทั้งที่วางจําหน่าย และสั่งซื้อทางออนไลน์ วอนโรงเรียนเคร่งตรวจตราสินค้าที่ไม่ปลอดภัย


 

แถลงการณ์ฉบับที่ 4/2568

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

เรื่อง เตือนภัยอันตรายจากของเล่น “ตุ๊กตาโมนิ” หรือ “ของเล่นกดสิว” แถมเข็มฉีดยา

          ด้วยขณะนี้ มีของเล่นที่กําลังเป็นกระแสความนิยมในวงกว้าง ได้แก่ ตุ๊กตาโมนิ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ของเล่นกดสิว ซึ่งมี วางจําหน่ายอย่างแพร่หลายทั้งในร้านค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์หลายช่องทาง อีกทั้งพบว่ามีผู้ค้าปลีกนํามาขายหน้าโรงเรียนบางแห่ง ของเล่นดังกล่าวมีลักษณะเป็นตุ๊กตายางรูปสัตว์ และที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ มาพร้อมกับกระบอกและเข็มฉีดยาของจริง เพื่อใช้ฉีดลม หรือน้ำเข้าไปในตัวตุ๊กตา ทําให้เกิดเป็นตุ่มพองยื่นออกมาสําหรับให้กดบีบให้แตก บางชนิดมีสารคล้ายหนองหรือสิวเทียมพุ่งออกมา

          ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ขอแสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัย ของเด็กและเยาวชนจากของเล่นดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะไม่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย อาจมีความเสี่ยงร้ายแรงหลายประการ ทั้งต่อร่างกาย สุขภาพ ตลอดจนพฤติกรรมของเด็ก ดังนี้

          1. เข็มฉีดยาไม่ใช่ของเล่น อุปกรณ์ “เข็มฉีดยา” ไม่ควรปรากฏในของเล่นสําหรับเด็ก
               ของเล่นชนิดนี้ มีส่วนประกอบเป็นเข็มฉีดยา ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. 685-2562 ว่าด้วยความปลอดภัยของของเล่น ในหัวข้อ ลักษณะทางฟิสิกส์ นอกจากนี้ในมาตรฐานดังกล่าว ได้กําหนดว่า ของเล่นที่นําเข้าและจําหน่ายภายในประเทศต้องมี ฉลากแจกแจงรายละเอียดเป็นภาษาไทย โดยเฉพาะอายุผู้เล่น และคําเตือน ซึ่งไม่ปรากฏในของเล่นชนิดนี้ จึงถือว่าเป็นของเล่นที่ผิดกฎหมาย

          2. ส่งเสริมพฤติกรรมเลียนแบบในทางที่ไม่เหมาะสม
               การนําเข็มฉีดยามาเป็นของเล่น อาจทําให้เด็กเข้าใจผิดว่าเข็มฉีดยาสามารถเล่นได้หรือใช้เองได้โดยไม่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญกํากับ ซึ่งเสี่ยงต่อการเลียนแบบพฤติกรรมอันตราย โดยขาดความรู้ ส่งผลให้เกิดบาดเจ็บ ติดเชื้อ หรืออาจพัฒนาเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในอนาคต

          3. ไม่เหมาะสมทางจิตวิทยาและพัฒนาการเด็ก
               การเล่นของเล่นที่เน้น “ความผิดปกติ” หรือ “ภาพลักษณ์ที่น่ารังเกียจ” ไม่ส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมที่ เหมาะสมสาหรับเด็ก

          โดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย มีคําแนะนํา ดังนี้

  • ผู้ปกครอง งดซื้อของเล่นนี้ทั้งที่วางจําหน่าย และการสั่งซื้อทางออนไลน์ และชี้แจงถึงอันตรายให้เด็กเข้าใจ ซึ่งรวมไปถึง ของเล่นชนิดอื่น ๆ ที่ไม่ปลอดภัยด้วย การเลือกซื้อของเล่นให้บุตรหลานทุกครั้ง ควรพิจารณารูปลักษณ์ วัสดุ สี และ ส่วนประกอบอื่น ๆ ของของเล่นว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ และต้องตรวจดูว่ามีฉลากแสดงเครื่องหมาย มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ที่ถูกต้องตามประเภทของของเล่นเท่านั้น เนื่องจากพบว่า ในปัจจุบันมีการใช้เครื่องหมาย (มอก.) ปลอมและเครื่องหมายผิดประเภท
  • โรงเรียนและสถานศึกษา ตรวจตราสินค้าต่างๆ ที่ไม่ปลอดภัย ที่นํามาขายในบริเวณใกล้เคียงโรงเรียนที่เด็กสามารถเข้าถึงได้ง่าย ให้คําแนะนําเชิงบวกแก่เด็กให้เลือกของเล่นที่ปลอดภัยและส่งเสริมการเรียนรู้
  • ภาคสังคม ร่วมสร้างความตระหนักรู้ เฝ้าระวังอันตรายที่แฝงอยู่ในของเล่นรูปแบบใหม่ ๆ ไม่สนับสนุนการซื้อขายของเล่น ที่อันตราย และร่วมดูแลความปลอดภัยจากของเล่นที่ไม่เหมาะสมในเด็กและเยาวชนในสังคมไทย ทั้งที่จําหน่ายตามร้าน แผงลอยและบนเว็บไซต์

          ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ขอยืนยันเจตนารมณ์ในการ ปกป้อง เด็กไทยจากของเล่นที่เป็นภัยอันตรายต่อร่างกาย อารมณ์ และพฤติกรรม และขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบและควบคุมการผลิต การนําเข้า และการจําหน่ายของเล่นที่ไม่ผ่านมาตรฐาน มอก. 685-2562 โดยเฉพาะของเล่นที่ผิด กฎหมาย และดําเนินการปราบปรามอย่างเคร่งครัด

ประกาศ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2568

รองศาสตราจารย์ พลตรีหญิง แพทย์หญิงฤดีวิไล สามโกเศศ

ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและนายกสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย


 


ที่มา : Facebook ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย