กองทุนผู้สูงอายุ
วัตถุประสงค์
- เพื่อให้ผู้สูงอายุกู้ยืม เป็นทุนประกอบอาชีพ เป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม
ลักษณะการให้การกู้ยืม
- ให้ผู้สูงอายุกู้ยืม เป็นทุนประกอบอาชีพ เป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม
วิธีการให้การกู้ยืม
ให้ผู้สูงอายุได้กู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพ โดย
– กู้ยืมเป็นรายบุคคลได้คนละไม่เกิน 30,000 บาท
– กู้ยืมเป็นรายกลุ่มๆละไม่น้อยกว่า 5 คนได้กลุ่มละไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ ให้ชำระคืนเป็นรายงวด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย
คุณสมบัติของผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน
ผู้สูงอายุที่ต้องการขอรับเงินทุนประกอบอาชีพจากกองทุนผู้สูงอายุ ต้องมีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป และมีสัญชาติไทยที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านเงินทุนประกอบอาชีพ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากแหล่งทุนอื่น หรือได้รับแต่ไม่เพียงพอ และมีคุณสมบัติดังนี้
คุณสมบัติผู้กู้ยืม
ผู้ขอกู้ยืมฯ
- มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- มีความจำเป็นขอรับการสนับสนุนเงินกู้ยืมประกอบอาชีพ
- มีความสามารถในการประกอบอาชีพ
- มีสภาพร่างกายแข็งแรงประกอบอาชีพได้
- มีปัจจัยในการสนับสนุนการประกอบอาชีพ
- มีสถานที่ประกอบอาชีพอยู่จังหวัดเดียวกันกับที่ยื่นขอกู้ยืม
- ไม่เป็นผู้ค้างชำระเงินกองทุนผู้สูงอายุ
ผู้ขอกู้ยืมฯ (เริ่มใช้วันที่ 1 กรกฏาคม 2566)
- มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านเงินทุนประกอบอาชีพ
- มีความสามารถในการประกอบอาชีพ
- ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
- มีปัจจัยในการประกอบอาชีพ
- มีสถานที่ในการประกอบอาชีพในจังหวัดเดียวกันกับที่ได้ยื่นคําร้องขอกู้ยืมไว้
- ไม่เป็นผู้กู้ หรือผู้ค้ำของกองทุนผู้สูงอายุ
- คู่สมรส หรือบุคคลซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ต้องไม่เป็นผู้ค้างชําระเงินกองทุนผู้สูงอายุ
ผู้ค้ำประกันกู้ยืมฯ
- มีอายุไม่เกิน 59 ปีบริบูรณ์
- เป็นผู้มีรายได้หรือเงินเดือนประจำ
- มีภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎร์อยู่จังหวัดเดียวกันกับผู้กู้ยืม
- ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้กู้ยืม
- ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้ค่ำประกันให้กับบุคคลอื่นที่ขอกู้ยืม
ผู้ค้ำประกันกู้ยืมฯ (เริ่มใช้วันที่ 1 กรกฏาคม 2566)
- เป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย และมีอายุไม่เกิน 57 ปีบริบูรณ์
- มีภูมิลําเนาตามทะเบียนบ้านอยู่จังหวัดเดียวกับผู้ขอกู้ยืม
- เป็นผู้มีรายได้หรือเงินเดือนประจําไม่น้อยกว่า 9,000 บาท
- ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย คนไร้ความสามารถ คนเสมือน ไร้ความสามารถ คนวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ
- ไม่เป็นผู้ค้ำประกันหนี้ผู้สูงอายุบุคคลอื่น
- ไม่เป็นคู่สมรส หรือบุคคลซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภรรยา โดยมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้กู้
คุณสมบัติผู้ค้ำประกัน
- กรณีให้กู้ยืมเป็นรายบุคคล ผู้กู้ต้องหาบุคคลที่น่าเชื่อถือจำนวน 1 คน เป็นผู้ค้ำประกัน เช่น เป็นผู้ที่มีอาชีพมั่นคง รายได้แน่นอน มีหลักฐานแสดงรายได้และการประกอบอาชีพ (หนังสือรับรอง สมุดบัญชีธนาคารที่มียอดหมุนเวียนเข้าทุกเดือนอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไปที่ยืนยันการมีรายได้ของผู้ค้ำประกัน) มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอนตรวจสอบได้โดยมีภูมิลำเนาเดียวกันกับผู้ขอกู้ยืม และไม่เป็นผู้ค้ำประกันให้บุคคลอื่นที่ขอกู้ยืมเงินจากกองทุนผู้สูงอายุหรือไม่เป็นผู้ที่กู้ยืมด้วยกันเอง
- กรณีให้กู้ยืมเป็นรายกลุ่ม สมาชิกในกลุ่มที่ต้องการกู้ยืมเงิน ต้องจัดหาผู้ค้ำประกันตามจำนวนผู้กู้ยืม โดยต้องเป็นผู้ที่มีอาชีพมั่นคง รายได้แน่นอน มีหลักฐานแสดงรายได้และการประกอบอาชีพ (หนังสือรับรอง สมุดบัญชีธนาคารที่มียอดหมุนเวียนเข้าทุกเดือนอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป หรือ บัญชีสหกรณ์ทั่วไป ที่ยืนยันการมีรายได้ของผู้ค้ำประกัน) และมีที่อยู่อาศัยที่แน่นอนตรวจสอบได้ ไม่เป็นผู้ค้ำประกันให้บุคคลอื่นที่ขอกู้ยืมเงินจากกองทุนผู้สูงอายุหรือไม่เป็นผู้ที่กู้ยืมด้วยกันเองและต้องรับผิดชอบลูกหนี้ร่วมกัน
- กรณีผู้ค้ำประกันมีคู่สมรส ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสด้วย
- ผู้ค้ำประกันต้องมีภูมิลำเนาเดียวกันกับผู้ขอกู้ยืม
วงเงินที่กองทุนผู้สูงอายุให้การสนับสนุน
- รายบุคคล อนุมัติเงินกู้ยืมตามความเหมาะสม รายละไม่เกิน 30,000 บาท
- รายกลุ่ม กลุ่มละไม่น้อยกว่า 5 คน อนุมัติเงินกู้ยืมตามความเหมาะสม กลุ่มละไม่เกิน 100,000 บาท
- ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ด้วย
เอกสารประกอบการกู้ยืม
กรณีให้กู้ยืมเป็นรายบุคคล
- ทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอกู้ยืม
- ทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ค้ำประกัน
- ประมาณการค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ / แผนผังการประกอบอาชีพ,ที่อยู่อาศัย
- หนังสือรับรองเงินเดือน/สลิปของผู้ค้ำประกัน (เว้นแต่เกษตรกร)
- หนังสือยินยอมคู่สมรส ผู้ขอกู้และผู้ค้ำประกัน (หากมี)
- หนังสือสัญญาเช่าบ้าน (ในกรณีที่ผู้กู้เช่าบ้านอยู่)
กรณีให้กู้ยืมเป็นรายกลุ่ม
- บัตรประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- โครงการประกอบอาชีพของกลุ่ม
- หนังสือสัญญาเช่าบ้าน (ในกรณีที่ผู้กู้เช่าบ้านอยู่)
- สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ค้ำประกัน
- หนังสือรับรองเงินเดือนของผู้ค้ำประกัน (เว้นแต่เป็นเกษตรกร)
- หนังสือยินยอมคู่สมรส (หากมี)
หมายเหตุ : กรณีผู้ยื่นคำร้องมีอายุ 80 ปีขึ้นไป ควรมีใบรับรองแพทย์ และรูปถ่ายเต็มตัวขณะประกอบอาชีพ
ขั้นตอน
การทำสัญญากู้ยืมเงิน
หากผู้กู้ได้รับการอนุมัติให้กู้ยืมเงิน ทาง กรมกิจการผู้สูงอายุ หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (ตามสถานที่ที่ผู้กู้ได้ยื่นกู้) แจ้งให้ผู้กู้และผู้ค้ำประกัน หรือกลุ่มประกอบอาชีพของผู้สูงอายุ มาทำสัญญากู้ยืมเงิน และสัญญาค้ำประกัน ถ้าไม่มาทำสัญญาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่แจ้งให้ทราบ ให้ถือว่าการกู้ยืมเงินในครั้งนั้น เป็นอันสละสิทธิ์/ยกเลิก หากเป็นส่วนภูมิภาคจะต้องแจ้งให้กองทุนผู้สูงอายุทราบด้วย ว่ามีผู้ผ่านการอนุมัติใดที่ไม่มาทำสัญญาภายใน 30 วัน เพื่อแจ้งผลการยกเลิกให้กับผู้กู้ทราบต่อไป
การชำระคืนเงิน
ให้ผู้กู้ส่วนภูมิภาคผ่อนชำระตามสัญญา ณ กรมกิจการผู้สูงอายุ หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือทางธนาณัติ (ตามที่สถานที่ที่ผู้กู้ได้ยื่นขอกู้) ภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่รับเงินกู้ โดยไม่มีดอกเบี้ย ให้ชำระคืนเป็นรายงวดทุก 30 วัน ภายในวันที่ 5 ของทุกๆ เดือน หรือไม่เกินวันที่ 15 ในเดือนนั้น ๆ
เมื่อผู้กู้ได้ชำระเงินกู้เป็นรายงวดแล้ว จะได้รับหลักฐานการรับเงินทุกครั้ง หากไม่ได้รับหลักฐานการรับเงินให้แจ้งมาที่ กลุ่มงานบริหารกองทุนผู้สูงอายุ งานกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ โทร. 02 354 6100 ต่อ 101-103
สถานที่ติดต่อขอรับการกู้ยืมเงิน
- ในเขตกรุงเทพมหานคร ติดต่อขอรับบริการที่
- กองทุนผู้สูงอายุ เลขที่ 255 อาคารพิชเยนทรโยธิน ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์ เด็กหญิงบ้านราชวิถี ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 (งานกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ โทร. 02 354 6100 ต่อ 101-103)
- ในส่วนภูมิภาค ติดต่อขอรับบริการที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด
- ในเขตกรุงเทพมหานคร ติดต่อขอรับบริการที่
หน่วยงานที่รับผิดชอบ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์