กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยการเจรจาระหว่าง ไทย-กัมพูชา ยังไม่ได้ตกลงในประเด็นเกี่ยวกับเขตแดน
กระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมพิเศษระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชา ณ ประเทศมาเลเซีย โดยระบุว่า การเจรจาครั้งนี้มุ่งเน้นเฉพาะการหยุดยิงเท่านั้น มิได้มีการหารือหรือตกลงในประเด็นเกี่ยวกับเขตแดน จึงไม่มีผลให้ไทยได้หรือเสียดินแดนแต่อย่างใด
(28 ก.ค. 68) เวลา 22.00 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สรุปผลการประชุมพิเศษระหว่างไทย-กัมพูชา ที่มาเลเซีย ระบุ ฝ่ายไทยเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ พร้อมเจตนารมณ์ที่จะแสดงจุดยืนของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สิ่งที่ได้เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา และสิ่งที่ฝ่ายไทยต้องการเห็น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรุกล้ำอธิปไตย การสูญเสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เหตุการณ์กับระเบิด และการเลิกการคุกคามยั่วยุ
ผลของการประชุมในวันนี้มีความสำคัญ ได้แก่
- การหยุดยิง เป็นผลดีต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
- การรื้อฟื้น/กลับมาเจรจาในกรอบทวิภาคี โดยจะมีการหารือของแม่ทัพสองฝ่าย การประชุม GBC ในวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่กัมพูชา และการประชุม JBC ในเดือนกันยายน 2568
- การได้ผู้สังเกตการณ์/สักขีพยานที่จะมาช่วยในเรื่องการตรวจสอบ และยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และ
- การกลับบ้านของพี่น้องประชาชนที่ต้องเข้าไปหนีภัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว
การหารือดังกล่าวเป็นการเจรจาการหยุดยิงเท่านั้น ไม่ได้มีการเจรจาในประเด็นเขตแดน จึงไม่ได้มีผลให้ไทยได้หรือเสียดินแดนแต่อย่างใด นอกจากนี้ ไทยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในบริเวณชายแดน และคนไทยในกัมพูชาเป็นสำคัญ การหยุดยิงจะส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ชายแดนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยปราศจากภัยคุกคามจากการปะทะหรือการสู้รบ
ไทยต้องการเห็นความสุจริตใจจากกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการยุติการโจมตีเป้าหมายโดยเฉพาะพลเรือน การหยุดยิงจะต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงการหารือในรายละเอียดและขั้นตอนของเรื่อง เช่น การจำกัดอาวุธทุกประเภท การยุติการวางกับระเบิด การยุติการคุกคามยั่วยุ โดยหน่วยงานในพื้นที่จะทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบให้เกิดผลจริงในทางปฏิบัติ
ประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญกับอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ผลประโยชน์ของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ