พม. ร่วมกับ Whoscall สกัดภัยเศรษฐกิจดิจิทัล เปิดตัว “Voice Alert” ป้องกันกลุ่มเปราะบาง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับ Whoscall เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Voice Alert” ระบบแจ้งเตือนด้วยเสียงเมื่อมีสายต้องสงสัย เพื่อช่วยป้องกันภัยมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุและคนพิการ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) มอบหมายให้ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานงานแถลงข่าวความร่วมมือเสริมเกราะป้องกันภัยมิจฉาชีพเพื่อคนไทยทุกคน พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่การแจ้งเตือนด้วยเสียง “Voice Alert” โดย นายกิตติ อินทรกุล รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงาน และ นายกชศร ใจแจ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัทโกโกลุก (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือ พดร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้แทนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมประชาบดี ชั้น 19 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ
นายอนุกูล กล่าวว่า ปัจจุบันเราอยู่ในสังคมยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและทันสมัย ทำให้การติดต่อสื่อสารและการดำเนินชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับมิจฉาชีพพัฒนากลโกงที่หลากหลายรูปแบบ และซับซ้อนมากขึ้น อาทิ การหลอกลงทุน การโจรกรรมข้อมูล และการใช้แอปพลิเคชันควบคุมเครื่องมือสื่อสาร ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งด้านการเงิน สภาพจิตใจ และความสัมพันธ์ในครอบครัว ดังนั้น “ภัยมิจฉาชีพ” จึงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน จำเป็นต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อร่วมกันปกป้องและสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ และครอบครัวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จำเป็นต้องทำงานเชิงรุกในการดูแลและปกป้องกลุ่มเปราะบางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกระทรวง พม. ได้รับความร่วมมือจากบริษัทโกโกลุก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Whoscall และภาคีเครือข่าย ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้าง “เกราะป้องกัน” ให้ประชาชนรู้เท่าทันกลโกง และลดความเสี่ยงจากการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ถือเป็นการบูรณาการการทำงานของภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อตอบสนองต่อปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที
นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการการทำงานจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันปกป้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ให้ปลอดภัยจากภัยมิจฉาชีพในยุคดิจิทัล ซึ่งการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัย และฟีเจอร์ใหม่ของบริษัทโกโกลุก (ประเทศไทย) จำกัด มีความก้าวหน้าในการแจ้งเตือนด้วยเสียง (Voice Alert) ของแอปพลิเคชัน Whoscall ซึ่งสามารถช่วยให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุ และคนพิการทางการเห็น ให้สามารถรับรู้ได้ทันทีเมื่อมีสายโทรเข้าที่น่าสงสัย และป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพได้ดียิ่งขึ้น โดยได้สนับสนุนโค้ด Whoscall พรีเมียม จำนวน 2,000,000 โค้ด ให้แก่กระทรวง พม. เพื่อส่งต่อให้กลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ โดยจะกระจายโค้ดดังกล่าวผ่านเครือข่ายการทำงานของกระทรวง พม. อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ศูนย์บริการคนพิการ และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) รวมถึงมีการจัดกิจกรรมลงพื้นที่ ร่วมกันในอนาคต อาทิ “พม. Station (สเตชั่น)” ด้วยการลงพื้นที่ชุมชน และการจัด Roadshow ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่จังหวัดสุพรรณบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี และสงขลา เพื่อส่งต่อองค์ความรู้และเครื่องมือป้องกันภัยอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุ คนพิการและครอบครัวที่อยู่ในความดูแลของกระทรวง พม. สามารถเข้าถึงได้โดยตรงและทั่วถึง
นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในนามของกระทรวง พม. ขอให้การสนับสนุนการป้องกันมิจฉาชีพในกลุ่มเปราะบาง และขอขอบคุณความร่วมมือจากบริษัทโกโกลุก (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมทั้งภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งนี้ตนเชื่อว่าการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันสามารถช่วยสร้างสังคมไทย ให้มีภูมิคุ้มกันเข้มแข็งและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. กับบริษัทโกโกลุก (ประเทศไทย) จำกัด และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการสร้างความตระหนักรู้ การยกระดับความปลอดภัย และการปกป้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
นายกชศร ใจแจ่ม กรรมการผู้จัดการบริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) กล่าวว่า การร่วมมือกับกระทรวง พม. สะท้อนความตั้งใจของเราในการนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ที่กำลังเผชิญกับภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งไม่เพียงสร้างความเสียหายทางการเงิน แต่ยังกระทบจิตใจและความเชื่อมั่นของผู้คน Whoscall จึงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อให้เครื่องมือป้องกันภัยเข้าถึงประชาชนได้จริง โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เรายืนยันว่าไม่ได้สร้างแค่แอปพลิเคชัน แต่เรากำลังสร้างเกราะป้องกันภัยดิจิทัลให้สังคมไทยอย่างแท้จริง นอกจากนี้ Whoscall ขยายความร่วมมือไปยังกลุ่มคอมมูนิตี้ต่าง ๆ โดยถ่ายทอดความรู้และมอบเครื่องมือในการป้องกันทุกรูปแบบ ผ่านการสนับสนุนจากพันธมิตรสำคัญ ได้แก่ Flash Express, Grab และ Sansiri ที่ต่างมีเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์ เพื่อสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยและน่าเชื่อมั่นยิ่งขึ้น
นางสาวปรินทร์ทิพย์ อิสริยเมธา ผู้ช่วยรองกรรมการผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร และรัฐกิจสัมพันธ์กลุ่มธุรกิจแฟลช ผู้นำด้านธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ระดับมืออาชีพ ให้บริการครบวงจร ครอบคลุมทั่วไทย และเซาท์ อีส เอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบันภัยจากมิจฉาชีพออนไลน์ที่แอบอ้างเป็นพนักงานของบริษัทเอกชน และภาครัฐยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงแม้หลายหน่วยงานจะออกมาช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนก็ตาม เช่นเดียวกับ แฟลช เอ็กซ์เพรส ที่ให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้ และแจ้งเตือนภัยผ่านทุกช่องทางโซเชียลมีเดียให้กับลูกค้า และประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้บริษัทได้นำเทคโนโลยีของ Whoscall มายกระดับความปลอดภัยให้กับลูกค้า และพนักงาน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการในการส่งพัสดุ และช่วยลดความเสี่ยงจากภัยของมิจฉาชีพได้อย่างเท่าทัน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อป้องกันภัยจากการแอบอ้างเป็นพนักงานขนส่ง และการส่ง SMS หรือลิงก์ปลอมเพื่อหลอกให้แอดไลน์ ตลอดจนการหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน เป็นต้น
นางสาวอรวรา เอื้อสุนทรวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์ และพันธมิตรแกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานในวันนี้ และเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในการยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับคนไทย ที่ผ่านมา เราได้ร่วมโปรโมท เทคโนโลยีของ Whoscall ให้กับผู้ใช้งานและคนขับ ในการนำไปใช้ คัดกรองเบอร์โทรต้องสงสัย และป้องกันภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนและยากต่อการสังเกตเราเชื่อว่าเทคโนโลยีไม่ควรเป็นแค่เครื่องมือ แต่ต้องเป็นเกราะป้องกันที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน และแกร็บในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลที่อยู่ใกล้ชิดผู้คน พร้อมสนับสนุนทุกความร่วมมือเพื่อขยายการเข้าถึงเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง
คุณชลีรัตน์ ต่อจรัส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และพาร์ทเนอร์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในทุกมิติ นอกจากการสร้างที่อยู่อาศัย มาตรฐานความปลอดภัยและความอุ่นใจ คือ หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจและบริการของเรา ไม่ใช่แค่ภายในรั้วโครงการกับระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสร้าง คอมมูนิตี้ที่ปลอดภัย เพื่อให้ลูกบ้านและครอบครัวอุ่นใจในทุกวัน รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับสังคมและคุณภาพชีวิตที่ปลอดภัยให้ชุมชนกลุ่มเสี่ยง บริษัทฯ ได้วางแผนการสื่อสารและให้ความรู้เกี่ยวกับภัยใกล้ตัว เตรียมความพร้อมเชิงรุก โดยจะจัดมินิเวิร์กชอปให้กับลูกบ้าน ผ่านเจ้าหน้าที่นิติบุคคลทุกโครงการที่พร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวด้านดิจิทัล โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ, กลุ่มผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี และครอบครัวแสนสิริทุกคน เพื่อให้รู้เท่าทันและป้องกันภัยรอบตัวผ่านการใช้แอป Whoscall อย่างมั่นใจ เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัยในสังคมไทยที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ๆ รอบด้านและสร้างสังคมที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างการรับรู้ฟีเจอร์ “การแจ้งเตือนด้วยเสียง” (Voice Alert) ที่ส่งเสียงเตือนเมื่อมีสายต้องสงสัยโทรเข้า โดยจากการใช้งานนำร่อง ฟีเจอร์นี้สามารถปกป้องผู้ใช้ไปแล้วกว่า 10 ล้านครั้ง สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการใช้งานจริงและความตั้งใจในการพัฒนาเพื่อความปลอดภัยของทุกคน สามารถศึกษาวิธีการใช้งานได้ที่ https://whoscall.com/th/blog/articles/1701