สทนช. ประสาน กฟผ. – กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาร่วมกัน
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประสานไปยังกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขอให้มีการบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาร่วมกัน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมลุ่มเจ้าพระยา 2 จังหวัด ทั้งที่อ่างทอง และอยุธยาฯ

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ได้รับการประสานจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอธิบดีกรมชลประทาน เพื่อหารือและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมลุ่มเจ้าพระยา 2 จังหวัดทั้งที่อ่างทอง และอยุธยาฯ
โดยวันนี้ (11 ก.ย.68) สทนช. ได้ประสานไปยังกรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขอให้มีการบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาร่วมกัน
โดยทาง กฟผ. ได้ขอให้มีการปรับลดการระบายน้ำท้าย 3 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ในอัตราที่เหมาะสม เนื่องจากตอนบนเหนือเขื่อน ยังมีปริมาณฝนตกลงมาอีก หากหยุดการระบายน้ำ อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมตอนบนเพิ่มขึ้นได้ จึงขอให้ปรับลดการระบายน้ำลง
ส่วนเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ได้มีการทำความเข้าใจร่วมกันในการระบายน้ำเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันชาวบ้านริมน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งที่อยุธยาฯ และอ่างทอง ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จึงขอให้กรมชลประทาน ดำเนินการระบายน้ำเข้าระบบชลประทานด้านตะวันตกเพิ่มขึ้นอีก 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่วนด้านตะวันออก ให้ดำเนินการระบายน้ำเข้าระบบชลประทานเพิ่มด้วย แต่ยังทำได้ไม่เต็มที่มากนัก เพราะในพื้นที่โซนตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ปริมาณฝนตก และมีน้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่ลุ่ม และทุ่งนายังมีอีกมากจึง จำเป็นต้องเหลือพื้นที่ในระบบชลประทาน ไว้สำหรับรองรับการระบายน้ำออกจากทุ่ง และน้ำฝนที่ตกตกลงมาจนเกิดเป็นน้ำป่าด้วย
โดยการระบายน้ำเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันตก ได้ขอให้มีการแจ้งกับชาวบ้านลุ่มน้ำท่าจีน ได้ทราบว่า จะมีการระบายน้ำเพิ่มและกรมชลประทาน จะดำเนินการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำในจุดเสี่ยง เพื่อไม่ให้การระบายน้ำเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันตกกระทบกับขาวบ้านตอนกลางและท้ายน้ำลุ่มน้ำท่าจีนด้วย
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว สทนช. โดยศูนย์ส่วนหน้าฯ ขอให้ทั้ง 2 หน่วยงานเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2568 เป็นต้นไป
ที่มา : facebook NBT Connext