ปภ. ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง และ กทม. เฝ้าระวังระดับน้ำเจ้าพระยาสูงต่อเนื่องถึง 9 ต.ค. 68
ปภ. ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง รวม กทม.-ปริมณฑล เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่บัดนี้ – 9 ตุลาคม 2568 เน้นย้ำหน่วยงานในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ
3 ต.ค. 68 เวลา 17.10 น. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันนี้ – 9 ต.ค. 68 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมถึงแจ้งจังหวัดประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจาก กรมชลประทาน ว่า ได้คาดการณ์ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 2,700 – 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 3 – 9 ตุลาคม 2568 โดยจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น และคาดการณ์แม่น้ำสะแกกรังปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี Ct.19 จังหวัดอุทัยธานีและลำน้ำสาขา อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 180 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยใช้พื้นที่ว่างเหนือเขื่อนเจ้าพระยาชะลอน้ำไว้ รวมทั้งตัดยอดน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำทั้งสองฝั่ง แบ่งรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่ง รวม 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจากเดิมไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นไม่เกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แบบขั้นบันได โดยปริมาณน้ำจะส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.10 – 0.40 เมตร ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ดังนี้
- คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)
- จังหวัดสิงห์บุรี บริเวณอำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภออินทร์บุรี และอำเภอพรหมบุรี
- จังหวัดอ่างทอง บริเวณอำเภอไชโย และอำเภอป่าโมก
- จังหวัดชัยนาท บริเวณอำเภอสรรพยา
 
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงได้ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ท่าเทียบเรือโดยสารสาธารณะ ตลอดจนประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำและบริเวณจุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมถึงเตรียมพร้อมในการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันระดับน้ำล้นข้ามแนวคันกั้นน้ำ อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับประชาชน ขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ ทุกเวลา
