กระทรวงวัฒนธรรม เปิดสาเหตุ “พระธาตุโนนตาล” พังทลาย
กระทรวงวัฒนธรรม เปิดสาเหตุ “พระธาตุโนนตาล” พังทลาย จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ พระธาตุโนนตาล โบราณสถานเก่าแก่ในพื้นที่บ้านธาตุ หมู่ที่ 9 ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พังทลายลงทั้งองค์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภายในองค์พระธาตุมีความชื้นสะสมและอุ้มน้ำจำนวนมาก จนเกิดการพังทลายลงก่อนที่จะเริ่มกระบวนการบูรณะอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับโบราณสถานเก่าแก่ในหลายพื้นที่เช่นเดียวกัน
กรมศิลปากร ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พร้อมประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการในขั้นตอนเร่งด่วนทั้งด้านการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ การเก็บรวบรวมวัตถุโบราณ และการวางแนวทางฟื้นฟูบูรณะองค์พระธาตุให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด
นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ พระธาตุโนนตาล โบราณสถานเก่าแก่ในพื้นที่บ้านธาตุ หมู่ที่ 9 ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พังทลายลงทั้งองค์ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้รับรายงานเบื้องต้นจาก กรมศิลปากร ซึ่งได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พร้อมประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในขั้นตอนเร่งด่วนทั้งด้านการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ การเก็บรวบรวมวัตถุโบราณ และการวางแนวทางฟื้นฟูบูรณะองค์พระธาตุให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด
นางสาวซาบีดา กล่าวว่า พระธาตุโนนตาลถือเป็นโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่กว่า 121 ปี มีความสำคัญยิ่งต่อชุมชนและชาวจังหวัดนครพนม เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ และเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความศรัทธาและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวอีสาน โดยกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติก่อนเกิดเหตุ กรมศิลปากรได้สำรวจพบว่าองค์พระธาตุมีรอยร้าวซึ่งน่าจะมีผลต่อโครงสร้าง จึงได้ดำเนินการเสริมความมั่นคงชั่วคราวไว้ก่อน และในปีงบประมาณนี้ กรมศิลปากรได้รับงบประมาณเพื่อบูรณะซ่อมแซมองค์พระธาตุ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งจัดพิธีบวงสรวงเพื่อเริ่มต้นการดำเนินงานและติดตั้งนั่งร้านเตรียมการบูรณะ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภายในองค์พระธาตุมีความชื้นสะสมและอุ้มน้ำจำนวนมาก จนเกิดการพังทลายลงก่อนที่จะเริ่มกระบวนการบูรณะอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับโบราณสถานเก่าแก่ในหลายพื้นที่เช่นเดียวกัน
ภายหลังเกิดเหตุ กรมศิลปากรได้ประสานให้อำเภอท่าอุเทนและฝ่ายปกครองท้องถิ่นเข้าดำเนินการเบื้องต้นทันที โดยได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ กั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบเพื่อป้องกันอันตรายและมิให้ผู้ใดเข้าไปเคลื่อนย้ายสิ่งของจากซากพระธาตุ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เวรยามดูแลความเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด จากนั้นในเวลา 16.00 น. สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ได้จัดประชุมชี้แจงร่วมกับวัดพระธาตุ หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจและวางแนวทางดำเนินงานร่วมกัน โดยมีการประสานเจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติร้อยเอ็ด เข้าร่วมสำรวจและเก็บรวบรวมวัตถุโบราณที่อยู่ภายในซากพระธาตุทั้งหมด
ที่มา : Facebook : NBT Connext