กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยกระดับแฟรนไชส์ไทยปี 2569 ผลักดันสู่สากล ตั้งเป้าขยายไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ใหม่

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยกระดับแฟรนไชส์ไทยปี 2569 ผลักดันสู่สากล ตั้งเป้าขยายไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ใหม่

      กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดแผนยกระดับผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทย ปี 2569 เน้นสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ และเสริมแกร่งผู้ประกอบการรายเดิม พร้อมสร้างบรรทัดฐานการเป็นผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่ดี ใช้เป็นเครื่องมือสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนในประเทศ ขณะเดียวกันเร่งผลักดันแฟรนไชส์ไทยขยายตลาดสู่สากล เตรียมนำผู้ประกอบการที่มีความพร้อมโรดโชว์ต่างประเทศ แสดงศักยภาพแฟรนไชส์ไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวโลก ตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์ไทยไปต่างประเทศเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์

       นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมธุรกิจไทย โดยเฉพาะการพัฒนาธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ เพราะถือเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ในวงกว้าง แต่สิ่งที่เป็นความท้าทายของธุรกิจแฟรนไชส์ คือ


       การเริ่มต้นสร้างแฟรนไชส์ให้มีมาตรฐานภายใต้การบริหารจัดการที่ดี มีกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และต้องสร้างเครือข่ายพร้อมบริหารความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์) และผู้ซื้อแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซี) ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันจึงจะทำให้แฟรนไชส์ประสบความสำเร็จ โดยในแต่ละปีธุรกิจแฟรนไชส์สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดได้กว่า 300,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เฉลี่ยร้อยละ 15-20 ต่อปี


       กรมฯ ได้จัดทำแผนพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการสร้างผู้ประกอบการแฟรนไชส์รายใหม่ และเสริมแกร่งสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์รายเดิม พร้อมสร้างบรรทัดฐานการเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐาน ซึ่งการสร้างและรักษามาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ให้เป็นที่ยอมรับเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จระยะยาวของธุรกิจแฟรนไชส์ ตลอดจนเป็นหัวใจและรากฐานธุรกิจที่ทำให้ระบบแฟรนไชส์เติบโตอย่างยั่งยืน


แผนพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ ปี 2569 ประกอบด้วย

1) การสร้างธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ สร้างความเข้าใจรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งระบบ ทั้งความรู้สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซอร์) การบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ (DBD Franchise Program : DBD-FP) และความรู้สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนหรือผู้ซื้อแฟรนไชส์ (แฟรนไชส์ซี) เพื่อสำรวจความพร้อมของตนเองก่อนเข้าลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์

2) ยกระดับธุรกิจสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise Standard) โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านแฟรนไชส์ลงพื้นที่ให้คำปรึกษา ณ สถานประกอบการในลักษณะ On the job Training เพื่อพัฒนาธุรกิจเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพที่กรมฯ จัดทำขึ้นตามระบบ Thailand Quality Award (TQA) และตามแนวทางมาตรฐานคุณภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (Malcolm Baldrige National Quality Award – MBNQA) ซึ่งเป็นที่ยอมรับและมีการนำไปใช้กว่า 70 ประเทศทั่วโลก ก่อนเข้าตรวจประเมิน 7 ด้าน ได้แก่

1) การนำองค์กร

2) กลยุทธ์

3) ลูกค้าและแฟรนไชส์ซี

4) การวัด วิเคราะห์ และจัดการความรู้

5) บุคลากร

6) การปฏิบัติการ และ

7) ผลลัพธ์


ผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินฯ จะได้รับประกาศนียบัตรพร้อมเครื่องหมาย Franchise Standard การันตีคุณภาพธุรกิจ โดยกรมฯ ได้มีการพัฒนาและทบทวนเกณฑ์มาตรฐานฯ ทุก 2 ปี เพื่อให้เกณฑ์มาตรฐานการบริหารจัดการและกระบวนการตรวจประเมินมีมาตรฐานเทียบเคียงระดับสากล

3) การประกวดรางวัลธุรกิจแฟรนไชส์ไทย 2569 (Thailand Franchise Award 2026 : TFA 2026) เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ไทย สร้างการรับรู้ ภาพลักษณ์ที่ดี รวมถึงเป็นการเฟ้นหาธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐานที่ดีมีความโดดเด่นในแต่ละด้าน ซึ่งกิจกรรมการประกวดดังกล่าวจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจแฟรนไชส์จากแฟรนไชส์ต้นแบบที่ได้รับรางวัล

4) นำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงสินค้าและจำหน่ายสินค้าในประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์และการนำเสนอธุรกิจแก่นักลงทุนที่เข้าร่วมงาน โดยจะนำผู้ประกอบการที่อยู่ในการส่งเสริมเข้าร่วมงานระดับนานาชาติ เช่น Thailand Franchise & Business Opportunities (TFBO) ฯลฯ


5) แฟรนไชส์สร้างอาชีพ Roadshow 2026 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเองและผู้ที่กำลังมองหาอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ เข้าถึงข้อมูลและเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการแฟรนไชส์โดยตรง โดยกรมฯ ได้รวบรวมแฟรนไชส์ชั้นนำหลากหลายประเภท ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม บริการ และค้าปลีก มาให้ผู้สนใจได้เลือกสรรตามความสนใจและความถนัด เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ขยายธุรกิจและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงเป็นการช่วยเหลือผู้ว่างงานและผู้ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเองให้สามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างอาชีพให้กับประชาชน โดยการจัดกิจกรรม Roadshow 4 ภูมิภาค จะเริ่มดำเนินกิจกรรมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2568 เป็นต้นไป


       นอกจากนี้ กรมฯ จะเร่งผลักดันแฟรนไชส์ไทยขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ภายใต้กิจกรรมพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทยก้าวสู่สากล (Thai Franchise Towards Global) โดยจะนำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ที่มีความพร้อมโรดโชว์ต่างประเทศ แสดงศักยภาพแฟรนไชส์ไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวโลก โดยกรมฯ ตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์ไทยไปต่างประเทศเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 5 แบรนด์ ซึ่งปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จสามารถขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไปต่างประเทศแล้ว จำนวน 48 แบรนด์ (อาหารและเครื่องดื่ม 33 แบรนด์ การศึกษา 6 แบรนด์ ค้าปลีก 4 แบรนด์ บริการ 4 แบรนด์ และ ความงาม/สปา 1 แบรนด์) ใน 31 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา ฮ่องกง จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ยูเออี ซาอุดิอาราเบีย บาร์เรน มัลดีฟส์ โอมาน คูเวต กาตาร์ จอร์แดน อิหร่าน เลบานอน แคนาดา สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และ อังกฤษ


       ปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาจากกรมฯ รวมทั้งสิ้น 571 ราย แบ่งเป็น อาหาร 257 ราย (45%) เครื่องดื่ม 115 ราย (20%) บริการ 72 ราย (13%) การศึกษา 70 ราย (12%) ค้าปลีก 33 ราย (6%) ความงามและสปา 24 ราย (4%)


       อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “แฟรนไชส์เป็นระบบการบริหารจัดการธุรกิจที่ดีและมีประสิทธิภาพ เป็นโมเดลธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย การพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้มีศักยภาพ เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ นำไปสู่การขยายสาขาอย่างเป็นระบบเพื่อผลักดันให้ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยอยู่รอดและสามารถขยายตลาดได้ในทุกสถานการณ์”