ห้องปฏิบัติการทั่วไทย พร้อมตรวจภาวะหลอดเลือดอุดตันภายหลังการฉีดวัคซีน

การเกิดหลอดเลือดอุดตัน (ภาวะ VITT)

  • มีชื่อเต็มว่า Vaccine-induced immune thrombotic thrombocytopenia
  • เป็นภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่มีอาการหลอดเลือดอุดตันร่วมด้วย เกิดภายหลังได้รับวัคซีน โดยเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ชนิด Viral vector vaccine เช่น AstraZeneca และ Johnson & Johnson/Janssen
  • แม้จะเป็นภาวะที่อาจเกิดอาการรุนแรง แต่อุบัติการณ์การเกิดภาวะไม่พึงประสงค์จากวัคซีนดังกล่าวคาดการณ์ว่าน่าจะต่ำมาก คือ อยู่ระหว่าง 1:125,000–1:1,000,000 

การแสดงอาการ

  • ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอายุต่ำกว่า 60 ปี และส่วนมากเป็นเพศหญิง
  • ผู้ป่วยจะแสดงอาการหลังได้รับวัคซีนประมาณ 4 – 30 วัน จะมีอาการบ่งชี้ว่าอาจมีหลอดเลือดอุดตัน เช่น ปวดศีรษะรุนแรง ปวดท้องไม่ทราบสาเหตุหรือปวดหลังรุนแรง ขาบวม เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก เป็นต้น
  • จะพบร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ

หากผู้ได้รับวัคซีนคนใดมีอาการบ่งชี้ว่าอาจมีหลอดเลือดอุดตัน

  • หลังได้รับวัคซีนภายใน 30 วัน ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • หากแพทย์ตรวจพบว่ามีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ร่วมกับค่า D-dimer ที่ผิดปกติในผู้ป่วยหลอดเลือดอุดตันจะพิจารณาให้การรักษาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว

การตรวจภาวะหลอดเลือดอุดตัน (ภาวะ VITT)

  • ปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลของรัฐ และเอกชนอย่างน้อย 79 แห่ง ทั่วประเทศที่มีความพร้อมในการตรวจวินิจฉัย
  • โดยแพทย์ จะส่งตัวอย่างเลือดเพื่อยืนยันอีกครั้งด้วยวิธีที่เรียกว่า Anti PF4/heparin antibody และ Platelet activation assay ตามแนวทางของสมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย
  • ทั้งหมดนี้อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลและเชิญชวนให้ทุกคนไปรับการฉีดวัคซีนตามที่ได้นัดหมายไว้