ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
ศบค.เปิดเผยเตรียมปรับมาตรการสาธารณสุขให้เข้มข้นขึ้น ลดการแพร่ระบาดโควิด 19
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เปิดเผย ศบค. เตรียมปรับมาตรการสาธารณสุขให้เข้มข้นขึ้น ย้ำประชาชนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ลดการแพร่ระบาดโควิด 19
วันที่ (16 ก.ค. 64) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ครั้งที่ 10/2564 (ผ่านระบบ Video Conference) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศบค. แถลงผลประชุมซึ่งมีมติสำคัญ สรุป ดังนี้
ผช. โฆษกศบค. ย้ำว่าการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ยกระดับคุมการแพร่ระบาดโควิด 19 พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด กรุงเทพฯ ปริมณฑล (4 จังหวัดภาคใต้) เป็นไปตามสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน คำนึงให้ประชาชนมีความเดือดร้อนน้อยที่สุด แต่จากที่ได้มีการรายงานทบทวนมาตรการที่ผ่านมา 5 วัน ยังพบว่าการบังคับใช้มาตรการยังน่าเป็นห่วง ผอ.ศบค. จึงขอให้คณะแพทย์ที่ปรึกษามีการทบทวนมาตรการสาธารณสุขและให้นำเสนอโดยเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าอาจจะมีการให้ปรับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังได้มีการหารือเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด 19 ใน 2 เรื่อง คือ 1) การตรวจหาเชื้อให้ครอบคลุมให้มากที่สุดโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง และ 2) การจัดการดูแลผู้ติดเชื้อ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันรวมถึงทรัพยากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งนี้ แม้ระดมตรวจหาเชื้ออย่างมากถึงวันละ 7- 8 หมื่นราย แต่ยังไม่พอ ที่ประชุมจึงได้มีการพิจารณาอนุญาตให้ใช้การตรวจหาเชื้อโควิด 19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและช่วยให้การตรวจหาเชื้อโควิด 19 ครอบคลุมประชากรให้มากที่สุดเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อและเป็นผู้ป่วยเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็ว อย่างไรก็ตามการให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจหาเชื้อแม้มาตรฐานจะไม่เท่ากับ RT-PCR ก็ยังดีกว่าที่จะได้ตรวจ แต่เมื่อตรวจ ATK แล้วผลบวกขอให้ประชาชนไปติดต่อที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านได้เพื่อรับการดูแลประเมินอาการ หากพบมีอาการสีเขียวให้มีการดูแลโดยแยกกักอยู่ที่บ้าน หรือ Home Isolation (HI) แต่ถ้าพบมีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนก็จะมีการจัดที่พักคอยในชุมชนหรือ Community Isolation (CI) เน้นย้ำว่ากรณีพบมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการให้ดูแลที่บ้านหรือแยกกักในชุมชน ทั้งนี้จากการศึกษาและทดลองเกี่ยวกับการดำเนินการ HI และ CI ของโรงเรียนแพทย์และกรมการแพทย์กว่าพันรายพบการรายงานสังเกตผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวมีผลเป็นที่น่าพอใจและมั่นใจว่าระบบนี้สามารถที่จะดูแลประชาชนที่บ้านได้อย่างปลอดภัยและมีอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ เวชภัณฑ์และยาในการรักษาดูแลอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ยาฟ้าทลายโจรควบคู่ในการรักษา รวมถึงยาฟาวิพิราเวียร์ และยาอื่น ๆ ด้วย รวมถึงการประเมินอาการอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในการดูแลด้วยระบบดังกล่าว
ผช. โฆษกศบค. ยังกล่าวว่า กรณีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงทั้งในครอบครัว ผู้ใกล้ชิด รวมทั้งผู้ที่มีประวัติเสี่ยง ได้แก่ อาศัย เดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด หากผลตรวจคัดกรองด้วย Antigen Test Kit (ATK) เป็นลบให้ตรวจซ้ำทุก 3-5 วัน หรือเมื่อมีอาการป่วย เนื่องจากการตรวจ ATK อาจยังไม่มีความแม่นย้ำมากหรือไวพอ โดยเฉพาะในช่วงที่รับเชื้อน้อยหรือรับเชื้อใหม่ ๆ อาจจะตรวจไม่พบจึงต้องมีการตรวจซ้ำดังกล่าว และสังเกตอาการตนเอง รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยการสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง เป็นต้น
สำหรับการตรวจคัดกรองด้วย Antigen Test Kit (ATK) นั้น ถือเป็นอุปกรณ์การแพทย์จึงแนะนำให้ประชาชนไปตรวจเฉพาะที่โรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือสามารถที่จะซื้ออุปกรณ์การตรวจ ATK ได้ที่ร้านขายยา แต่ไม่อนุญาตให้ขายในร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งการสั่งซื้อทางออนไลน์ เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวต้องมีการตรวจและยอมรับมาตรฐาน ซึ่งหากไปชื้อผ่านทางออนไลน์หรือแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ร้านขายยา หรือ สถานพยาบาล ก็ขอให้มีความระมัดระวังเพราะอาจจะแปรผลผิดและทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและการติดเชื้อได้
ส่วนกรณีสถานประกอบการหรือโรงงานที่มีบุคลากรเกิน 50 คนนั้น โดยกฎหมายจะมีสถานพยาบาลกำกับสถานประกอบการนั้น ๆ อยู่แล้ว ก็สามารถรับไปดำเนินการให้โรงงานหรือสถานประกอบการที่จะสามารถจัดหาการตรวจหาเชื้อให้กับบุคลากรได้ด้วย
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/43829
