กรมอนามัย แนะนำตลาดยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 มากขึ้น

           กรมอนามัย แนะนำตลาดยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 มากขึ้น โดยตลาดควรยกระดับมาตรการป้องกันในตลาด คือ ป้องกันคนเน้นกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ค้า ลูกจ้าง แรงงานที่เดินทางเข้า – ออก เพิ่มความสำคัญผู้อยู่อาศัย ผู้ประกอบธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบและผู้ซื้อที่มาใช้บริการ

           นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 พบการระบาดลักษณะกลุ่มก้อน ในสถานที่แออัด ที่มีผู้คนมารวมกลุ่มกัน ซึ่ง “ตลาด” เป็นที่มีกิจกรรมเอื้อต่อการแพร่ระบาด ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 10 สิงหาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อในตลาด 14,678 ราย จากตลาด 132 แห่ง ใน 23 จังหวัด ทั้งพื้นที่สีแดงเข้ม สีแดงและสีส้ม เมื่อพิจารณาละเอียดพบตลาดถึงร้อยละ 70 ไม่ได้มีการประเมินตนเองบนแพลตฟอร์ม Thai Stop covid ตามมาตรการที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ มีร้อยละ 5 ที่ประเมินแล้วไม่ผ่านปรับปรุงแล้วก็ยังไม่ผ่าน และมีร้อยละ 25 ที่ประเมินแล้วปรับปรุงจนผ่านเกณฑ์ความปลอดภัย ลดโอกาสที่จะพบการแพร่ระบาดในพื้นที่ของตลาดนั้นๆ

           ความเสี่ยงของตลาดในการเป็นแหล่งแพร่โรคเกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งลักษณะโครงสร้างตลาดเก่า ตลาดใหม่ ระบบระยาบอากาศ ผู้คนที่อยู่ภายใน โดยเฉพาะที่มีแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ตลาดที่อยู่ใกล้ชุมชน แต่ป้องกันควบคุมโรคได้ ใน 2 ลักษณะคือ ถ้าเป็นตลาดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการเฝ้าระวังตามความเสี่ยง หากพบผู้ติดเชื้อหรือมีการแพร่ระบาดแล้วจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ ที่ตลาดทุกแห่งต้องทำร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมกับจัดการทำความสะอาดสุขาภิบาลตลาด ภายใต้มาตรการรองรับ เพราะหลายครั้งที่พบว่าปิดตลาดโดยไม่มีมาตรการใดๆ รองรับจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ ด้วยการที่ผู้คนในตลาดที่อาจมีการติดเชื้อโดยไม่มีอาการ เคลื่อนย้ายออกไปยังตลาดอื่น หรือพื้นที่จังหวัดอื่นๆ นำมาสู่การแพร่กระจายเชื้อกลับไปยังครัวเรือนชุมชนอื่นหรือกลับไปยังสถานที่ทำงานอื่นๆ ตามมา

           ควรยกระดับมาตรการป้องกันในตลาดคือ ป้องกันคน เน้นกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ค้า ลูกจ้าง แรงงานที่เดินทางเข้า-ออก เพิ่มความสำคัญผู้อยู่อาศัย ผู้ประกอบธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบและผู้ซื้อที่มาใช้บริการ คงมาตรการหลักในการคัดกรองผู้ที่มีอาการสงสัยติดเชื้อ ผู้ที่มีประวัติเสี่ยงผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงคู่กับมาตรการเสริมที่สำคัญคือ การตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ หรือตามการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและควรให้มีหารจตรวจหลักฐานก่อนเข้าตลาด ว่าตรวจเชื้อมาไม่เกิน 7 วัน หรือเอกสารยินยันการฉีดฉีดวัคซีน 2 เข็ม ไม่น้อยกว่า 14 วัน การป้องกันสถานที่คือ ตลาด เน้นการประเมินผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop covid Plus จัดการระบบเฝ้าระวังควบคุมโรคทั้งการสุ่มเฝ้าระวังเชิงรุกตามลักษณะของตลาดตรวจค้นและตรวจสิ่งแวดล้อม ต้องมีแผนเผชิญเหตุ พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนและซ้อมแผน รวมทั้งต้องจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่แยกกัก กักกัน รองรับกรณีผู้ติดเชื้อหรือผู้มีผล ATK เป็นบวก ประยุกต์การควบคุมกลุ่มและการเดินทางไปกลับคนในตลาด Bubble and Seal ตามบริบทของตลาดและพื้นที่เป็นลักษณะกลุ่มตามการทำงาน หรือกิจกรรมการค้าครอบคลุมการเดินทางและที่พัก

          “นอกจากนี้ เพื่อช่วยชะลอการแพร่ระบาดในตลาดจึงจำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกัน 3 ด้าน ดังนี้

• ด้านการป้องกันคนให้มีการคัดกรองคน โดยผู้ที่ไม่มีอาการสงสัยการติดเชื้อ ไม่มีประวัติเสี่ยง ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงสามารถเข้าตลาดได้ และเสริมด้วยการตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ตามความพร้อม หรือคัดกรองผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่หากเคยติดเชื้อหรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้แสดงหลักฐานว่าได้แยกกักหรือกักกันไม่น้อยกว่า 14 วัน
• ด้านการป้องกันสถานที่ ให้ตลาดประเมินและปฏิบัติตามมาตรการผ่าน Thai Stop COVID Plus จัดให้มีจุดเข้า-ออกทางเดียวหรือลดจุดลง จัดคนควบคุมกำกับให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน DMHTTA โดยเคร่งครัด จัดระบบสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม ให้มีการเว้นระยะห่าง ไม่แออัด มีการระบายอากาศที่ดี ทำความสะอาดทำลายเชื้อทุกวันโดยเฉพาะบริเวณพื้นผิวสัมผัสให้ทำความสะอาดทุกชั่วโมง และจัดระบบเพื่อลดกิจกรรมที่สัมผัสใกล้ชิดกัน เช่น ห้ามรวมกลุ่มพูดคุยหรือมีกิจกรรมเสี่ยง มีการจัดพื้นที่สำหรับกินอาหารโดยเฉพาะ ใช้วิธีจ่ายเงิน digital หรือ e-Payment
• ด้านการจัดการระบบเฝ้าระวังควบคุมโรค เช่น มีการสุ่มตรวจเฝ้าระวังเชิงรุก ตรวจคนและตรวจสิ่งแวดล้อม จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่แยกกักหรือกักกันกรณีพบผู้ติดเชื้อหรือพบผู้มีผลตรวจ ATK เป็นบวก ตลอดจนพิจารณาควบคุมการเดินทางไป-กลับ รวมไปถึงที่พักอาศัยของคนในตลาดด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210823192056335