กระทรวงสาธารณสุข ประกาศปิดโรงพยาบาลบุษราคัม 130 วันดูแลผู้ป่วยโควิด 20,436 ราย

กระทรวงสาธารณสุข ประกาศปิดโรงพยาบาลบุษราคัม 130 วันดูแลผู้ป่วยโควิด 20,436 ราย

          จากมาตรการล็อกดาวน์ มาตรการทำงานที่บ้าน (Work From Home) และมาตรการองค์กรและมาตรการส่วนบุคคลในการป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มข้น ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ปิดให้บริการโรงพยาบาลบุษราคัม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งมีโรงพยาบาลสนามทั้งของภาครัฐและเอกชนในการดูแลผู้ป่วยหลังจากนี้



          นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม กล่าวในการแถลงข่าว 130 วันปฏิบัติงานโรงพยาบาลบุษราคัม ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ขนาด 3,700 เตียง ที่อิมแพคเมืองทองธานี เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด 19 อาการปานกลางจนถึงอาการรุนแรงใน กทม. และปริมณฑลที่เพิ่มขึ้น ให้เข้าถึงการดูแลรักษา ในช่วงแรกมีผู้ป่วยวันละ 100 ราย โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคมที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา มีผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นวันละ 300 – 400 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยที่มีอาการหนักมากขึ้น ไม่สามารถส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลหลักที่มีศักยภาพสูงได้ จึงได้เปิดหอผู้ป่วยวิกฤตโกเมน 17 เตียง และหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤตทับทิม 32 เตียง เพื่อดูแลผู้ป่วยที่ให้ออกซิเจนไฮโฟลว์ ลดการใส่ท่อช่วยหายใจ ลดการเสียชีวิต ตั้งแต่เปิดดำเนินการวันที่ 14 พฤษภาคม -20 กันยายน 2564 ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 สะสม 20,436 ราย

          จากมาตรการล็อกดาวน์ มาตรการทำงานที่บ้าน (Work From Home) และมาตรการองค์กรและมาตรการส่วนบุคคลในการป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มข้น ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง ทั้งใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้งเกิดนวัตกรรมการดูแลรักษาผู้ป่วย โดยปรับระบบการดูแลรักษากลุ่มที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยให้เข้ารับการดูแลรักษาที่บ้านและชุมชน (Home Isolation/Community Isolation) ทำให้ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา โรงพยาบาลบุษราคัมมีผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษาประมาณ 5-6 รายต่อวัน ขณะที่จำนวนเตียงใน Hospitel เตียงสีเหลืองและสีแดงในโรงพยาบาลต่างๆ มีเพียงพอ เมื่อโรงพยาบาลบุษราคัม ได้ส่งผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านหมดทุกรายในวันที่ 20 กันยายน 2564 กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ปิดให้บริการโรงพยาบาลบุษราคัม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งมีโรงพยาบาลสนามทั้งของภาครัฐและเอกชนในการดูแลผู้ป่วยหลังจากนี้

 


ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210923184615551