กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยสถานศึกษาขอเปิดเรียนภาคเรียนที่ 2 แบบ on-site กว่า 10,000 แห่ง

กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยสถานศึกษาขอเปิดเรียนภาคเรียนที่ 2 แบบ on-site กว่า 10,000 แห่ง

          กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยสถานศึกษาขอเปิดเรียนภาคเรียนที่ 2 แบบ on-site กว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ มีบางแห่งขอใช้รูปแบบผสมผสานและมีบางพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยังไม่ให้เปิดแบบ on-site ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ แต่ให้เลื่อนไปเปิดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 แทน อย่างไรก็ตามจะปิดเทอม 2/2564 พร้อมกันในวันที่ 1 เมษายน 2565



          นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงข่าว”ความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ของสถานศึกษาสังกัด ศธ.ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564” ว่า ขณะนี้ได้มีการออกประกาศ ศธ. เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 34 ) เพื่อกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครูและประชาชนทั่วไป ว่า โรงเรียนและสถาบันการศึกษา สามารถดำเนินกิจกรรมได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตามแนวการเปิดภาคเรียนที่ 2/2546 ภายใต้สถานการณ์โควิด 19

          พร้อมย้ำว่า ในการเปิดเรียนแบบ on-site โรงเรียน หรือสถานศึกษาต้องผ่านการประเมินความพร้อมผ่าน Thai Stop Covid Plus (TSC+) และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID โดยถือปฏิบัติอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง, ครูและบุคลากร ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ตั้งแต่ร้อยละ 85 ขึ้นไป สำหรับครูและบุคลากรในพื้นที่อื่นๆ ต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ตั้งแต่ร้อยละ 85 ขึ้นไป ส่วนนักเรียนไม่มีกำหนด แต่ ศธ.ได้รณรงค์ทำความเข้าใจให้นักเรียนเข้ารับการฉีดวัคซีนมากที่สุด เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครองเอง

          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานว่าในภาคเรียนที่ 2/2564 พบว่ามีทั้งขอเปิดแบบ on-site 100% หรือ on-site ส่วนใหญ่ รวมกว่า 10,000 โรงเรียน มีบางแห่งขอใช้รูปแบบผสมผสานและมีบางพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยังไม่ให้เปิดแบบ on-site ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ แต่ให้เลื่อนไปเปิดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 แทน อย่างไรก็ตามจะปิดเทอม 2/2564 พร้อมกันในวันที่ 1 เมษายน 2565

          สำหรับสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ทั้งของรัฐและเอกชน ทั้งสิ้น 869 แห่ง ตอบแบบสอบถามมา 832 แห่ง พบว่า ส่วนใหญ่ 531 แห่ง ขอใช้รูปแบบผสมผสานคือ มีทั้ง On-site และ On-line รองลงมา 192 แห่ง ขอใช้รูปแบบ On-line 100 % และจำนวน 109 แห่งขอใช้ On-site 100% ทั้งนี้ ระหว่างภาคการศึกษาโรงเรียนหรือสถานศึกษา สามารถจัดการเรียนการสอน ได้ทั้งรูปแบบ On-site หรือ Online หรือ แบบผสมผสาน (Hybrid) ,นักเรียน ครู และบุคลากร ทุกคนต้องประเมิน Thai Save Thai (TST) ตามเกณฑ์จำแนกตามเขตพื้นที่การแพร่ระบาด, มีการสุ่มตรวจคัดกรองหาเชื้อ (ATK) ทั้งนักเรียน ครู และบุคลากร เพื่อเฝ้าระวัง

          ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการดูมาตรต่างๆของกระทรวงศึกษาธิการถือว่าวางมาตรการได้อย่างดีเยี่ยมและเป็นตัวอย่างให้นานาชาติถือปฏิบัติได้ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า มาตรการต่างๆ ที่ได้ทำร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขนั้น แม้จะมีการติดเชื้อโควิด 19 ขึ้นก็จะลดความรุนแรงและการแพร่ไปสู่ชุมชนได้

          นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนให้นักเรียน ก็ถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้พ่อแม่ผู้ปกครองในการเข้ารับการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ขณะนี้หลายฝ่ายกังวลเรื่องผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็พบได้น้อยมากและก็สามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งถือว่าไม่น่ากังวลแต่อย่างใด

 


ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG211028101744801