คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ชี้แจงประกาศปิดพื้นที่เพิ่มเติม
คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ได้พิจารณาประกาศปิดสถานที่เพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน และอนุโลมให้เปิดบริการไปรษณีย์ให้ห้าง โรงอาหารในสถานพยาบาล และขายดอกไม้สด และหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจในห้างสรรพสินค้า
วันนี้ (27 มี.ค. 63) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “COVID-19” โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร นายณัฐภานุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก แถลงรายละเอียดการมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครได้พิจารณาประกาศปิดสถานที่เพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้แก่
1. สนามแข่งขัน เช่น สนามแข่งขันนกพิราบ ทุกสนามที่มีการแข่งขันทั้งคนและสัตว์
2. สนามเด็กเล่น ในสวนสาธารณะและหมู่บ้าน
3. สถานที่แสดงมหรสพหรือมีการแสดง เช่น ลานแสดงดนตรีในพื้นที่สาธารณะ
4. พิพิธภัณฑ์สถาน
5. ห้องสมุด โดยขยายคำสั่งจากเดิมประกาศถึงวันที่ 12 เม.ย. 63 เป็น 30 เม.ย. 63
ปิดและอนุโลมเปิดสถานที่เพิ่มเติม ดังนี้
สถานที่ประกาศปิด
1. ห้องประชุม/ห้องจัดเลี้ยงภายในโรงแรม สถานที่จัดเลี้ยงไม่ว่าจะในหรือนอกโรงแรม
2. โต๊ะสนุกเกอร์และบิลเลียด
3. สถานรับเลี้ยงเด็กของรัฐและเอกชน ยกเว้นสถานรับเลี้ยงเด็กในโรงพยาบาล
4. คลินิกเวชกรรมส่วนที่เสริมความงาม
สถานที่ที่อนุโลมให้เปิด
1. โรงอาหารในสถานพยาบาล โดยให้จัดเว้นระยะห่างและรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด
2. ตลาดสดหรือตลาดนัดที่ขายอนุญาตให้ขายดอกไม้เพิ่มได้
3. หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจในห้างสรรพสินค้า เช่น ไปรษณีย์ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว (Passport)
ประกาศฯ มีผลในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 63 ยกเว้นสถานรับเลี้ยงเด็ก ให้มีผลวันที่ 31 มี.ค.63 มีผลถึง 30 เม.ย. 63
จากนั้น นายณัฐภานุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงขอให้ชาวต่างประเทศทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรการจาก พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้แก่ การอยู่บ้าน ลดการเดินทาง เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส– 19 หากมีความจำเป็นจะต้องเดินทางออกนอกอาคาร สถานที่ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ และเว้นระยะห่างทางสังคมตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในระยะ 1 เมตรถึง 2 เมตร รวมถึงได้ประชาสัมพันธ์ถึงสถานที่ที่ยังคงเปิดให้บริการ เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ต และสถานที่ที่ปิดให้บริการ เช่น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น สถานที่แสดงมหรสพ เป็นต้น ทั้งนี้รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังได้ ย้ำอีกว่า ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมมือกันจะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในประเทศไทยได้
ต่อมา นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบขนส่งสาธารณะ ได้กำชับทุกหน่วยงานเตรียมควบคุมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ที่สอดรับกับ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ควบคุมและยับยั้งการเดินทางของประชาชน ป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ดังนั้น ประชาชนที่จะใช้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนขึ้นรถโดยสารและตลอดการเดินทาง ผู้โดยสารที่เดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดด้วยรถโดยสารสาธารณะ ต้องให้ความร่วมมือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนใช้บริการ และกรอกข้อมูล ตามแบบ ต.8 คค ซึ่งแบบดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญให้ผู้โดยสารต้องระบุข้อมูลที่พักที่สามารถติดต่อได้ โดยกรมการขนส่งทางบกได้สั่งให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง ควบคุมกำกับผู้ประกอบการขนส่งให้จัดเก็บข้อมูลผู้โดยสารทุกคน และจัดส่งข้อมูลให้สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือนายสถานีขนส่งผู้โดยสาร นอกจากนี้ ยังมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ณ สถานีขนส่ง ทั้งต้นทางและปลายทาง จะห้ามผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูง เกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียสเดินทางโดยเด็ดขาด ด้านผู้ประกอบการขนส่ง จะต้องเข้มงวดตรวจสอบห้ามมิให้ผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยขึ้นรถโดยสารเด็ดขาด จัดหาที่นั่งบนรถโดยสารให้ “เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distance) เบาะที่นั่งหนึ่งแถวให้มีที่นั่งเดียวหรือเว้นระยะระหว่างคนอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เช่น ราวจับ ที่จับบริเวณประตูรถ ที่นั่ง ปุ่มกดลิฟต์ และห้องน้ำ มีแอลกอฮอล์ เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค สำหรับผู้โดยสารภายในรถ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางและบริเวณที่มีการใช้งานร่วมกัน เช่น บริเวณทางเข้า – ออกสถานี พร้อมได้มีการกำชับให้พนักงานขับรถและผู้ปฏิบัติหน้าที่ระบบขนส่งสาธารณะสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางมาใช้บริการของกรมการขนส่งทางบก
โอกาสนี้ นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวว่า กรมการขนส่งทางรางได้บูรณาการความร่วมมือกับผู้ประกอบการขนส่งทางรางทุกราย อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าสายสีม่วง ทาง BTS และ Airport Rail Link จัดทำแผนบริหารจัดการขนส่งทางรางตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแจ้งประชาชนผู้ให้บริการระบบขนส่งทางราง ทั้งรถไฟ และรถไฟฟ้าใต้ดิน จะต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า พร้อมขอให้ผู้ประกอบการขนส่งทางรางจัดให้มีจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ ผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการสถานี หากตรวจพบอุณหภูมิที่สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ต้องไปพบแพทย์ก่อน หรือผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ ให้งดเดินทางโดยเด็ดขาด นับตั้งแต่ที่ได้มีการประกาศ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินได้รับความร่วมมือกับผู้ประกอบการทุกรายได้ดำเนินการในรูปแบบ Social Distance การเว้นระยะห่างจากบุคคลอย่างน้อย 2 เมตร ตั้งแต่การเข้าสถานีไปยังในรถ
โอกาสนี้ นายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการรถไฟฟ้าบีทีเอส ยังตอบข้อคำถามถึงมาตรการดูแลให้ความมั่นใจแก่พนักงานและผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส พนักงานจะได้รับแจกหน้ากากอนามัยแบบผ้า ถุงมือ มีการคัดกรองก่อนเข้าปฏิบัติงาน รวมทั้งซื้อประกันให้ ผู้โดยสารจะต้องผ่านการคัดกรองก่อนเข้าสถานี ต้องสวมหน้ากากอนามัย กำหนดจุดยืนซื้อตั๋วและรอเข้าขบวนรถไฟฟ้าห่าง 1.5 เมตร และเว้นระยะห่างที่นั่งในขบวนให้ด้วย ผู้ที่มีบัตรโดยสารแล้วสามารถเติมเงินแบบออนไลน์ได้ ปัจจุบันผู้โดยสารบีทีเอสลดจำนวนลงกว่า 60% แต่รถไฟฟ้ายังคงให้บริการด้วยความถี่และจำนวนขบวนรถเท่าเดิม เพื่อช่วยลดความแออัดของผู้โดยสาร
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/28024
