กรมควบคุมโรค เร่งฉีดวัคซีนโควิดเข้มกระตุ้นในเด็ก รองรับการเปิดภาคเรียน

กรมควบคุมโรค เร่งฉีดวัคซีนโควิดเข้มกระตุ้นในเด็ก รองรับการเปิดภาคเรียน

           กรมควบคุมโรค เร่งฉีดวัคซีนโควิดเข้มกระตุ้นในเด็ก 12-17 ปี และฉีดให้ครบ 2 เข็มในเด็ก 5-11 ปี รองรับการเปิดภาคเรียน



           นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วง พ.ค.นี้ หมุดหมายสำคัญของรองรับการเปิดเทอม คือ การฉีดวัคซีนแก่กลุ่มนักเรียน โดยแนะนำเด็กอายุ 12-17 ปี ที่เคยรับวัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป ควรมารับการกระตุ้นด้วยไฟเซอร์เต็มโดส ส่วนที่เคยรับวันซีนเป็นไฟเซอร์ 2 เข็มไปแล้ว อย่างน้อย 4-6 เดือนขึ้นไป ควรมารับเข็มกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ครึ่งโดสหรือเต็มโดส โดยกรณีรับครึ่งโดสสามารถรับได้ในระบบสถานศึกษาเดิมที่เคยฉีด ส่วนกรณีรับเต็มโดสให้รับการฉีดได้ในระบบสถานพยาบาลใกล้บ้าน

           สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี จากจำนวนเป้าหมายทั้งหมด 5.1 ล้านคน จำนวนนี้ฉีดเข็ม 1 ไปแล้ว 2.8 ล้านคน คิดเป็น ร้อยละ 54.5 ส่วนที่ฉีดเข็มที่ 2 ไปแล้วมี 890,000 คน คิดเป็น ร้อยละ 17.4 จึงชวนผู้ปกครองเด็กกลุ่มนี้พาบุตรหลานมาฉีดวัคซีนให้ครบทั้ง 2 เข็ม โดยเข็ม 1 ฉีดได้ทันที ส่วนเข็ม 2 หากรับเป็นสูตรไฟเซอร์(ฝาส้ม) 2 เข็ม ให้ฉีดห่างกัน 8 สัปดาห์ หากฉีดสูตรไขว้ ซิโนแวค+ไฟเซอร์(ฝาส้ม) ให้ฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์ โดยมีนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนสูตรนี้เพิ่มเติมแล้ว 160,000 คน

           โดยข้อมูลจาก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ค.65) พบข้อมูลเบื้องต้นการศึกษาวัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวค+ไฟเซอร์(ฝาส้ม) ในเด็กอายุ 5-11 ปี ห่างกัน 4 สัปดาห์เช่นนี้ ระดับภูมิต้านทานมีแนวโน้มสูง ไม่ต่างจากการฉีดสูตรซิโนแวค+ไฟเซอร์ หรือการฉีดวันซีนไฟเซอร์ 2 เข็มในผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตามการรับวัคซีนโควิด 19 เป็นไปตามหลักการความสมัครใจ จะฉีดหรือไม่ขึ้นกับผู้ปกครองและเด็กตัดสินใจ

 


ที่มา : https://bit.ly/3yqWRRO