กรมอนามัย เปิดเผยผลสำรวจพบประชาชนอยากให้มีมาตรการ สวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่างอย่างต่อเนื่อง
กรมอนามัย เปิดเผยผลสำรวจอนามัยโพลพบประชาชนอยากให้มีมาตรการ สวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่างอย่างต่อเนื่อง จากผลสำรวจอนามัยโพลตั้งแต่วันที่ 1-19 กันยายน 2565 พบว่าทุกพฤติกรรมมีแนวโน้มลดลงจากเดือนสิงหาคมคือ การสวมหน้ากากเมื่อเข้าสถานที่ปิดหรือคนรวมตัวกันหนาแน่น จากร้อยละ 94.8 เป็น 93.6 การล้างมือจากร้อยละ 88.6 เป็นร้อยละ 87.5 และการเว้นระยะห่าง จากร้อยละ 87.3 เป็น 86.3 สอดคล้องกับความกังวล ต่อสถานการณ์โควิด19 พร้อมย้ำแม้ว่าสถานการณ์โควิด19 ผ่อนคลายแต่ยังต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เสี่ยงสูง กลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัว
นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกรมอนามัย กล่าวว่า จากผลสำรวจอนามัยโพลตั้งแต่วันที่ 1-19 กันยายน 2565 พบว่าทุกพฤติกรรมมีแนวโน้มลดลงจากเดือนสิงหาคมคือ การสวมหน้ากากเมื่อเข้าสถานที่ปิดหรือคนรวมตัวกันหนาแน่น จากร้อยละ 94.8 เป็น 93.6 การล้างมือจากร้อยละ 88.6 เป็นร้อยละ 87.5 และการเว้นระยะห่าง จากร้อยละ 87.3 เป็น 86.3 สอดคล้องกับความกังวล ต่อสถานการณ์โควิด19 ที่มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน จากร้อยละ 82.6 เป็น 80.4 ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ มีความเห็นว่า มาตรการที่มีความจำเป็น และควรทำต่อไปในระยะเปลี่ยนผ่านโรคโควิด19 เข้าสู่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังนั้น ได้แก่ การเฝ้าระวังพฤติกรรมการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ร้อยละ 25.57 รองลงมาคือ การจัดสถานที่ ให้มีอุปกรณ์ล้างมืออย่างเพียงพอ มีการเว้นระยะห่าง และมีการระบายอากาศที่ดี ร้อยละ 22.47 มีการทำความสะอาด และการจัดการด้านสุขาภิบาลสถานที่ต่าง ๆ ร้อยละ 20.22 ตามลำดับ
“ทั้งนี้ แม้ว่าแนวโน้มสถานการณ์โควิด19 ในประเทศดีขึ้น ส่งผลให้มีการดำเนินชีวิตภายใต้มาตรการ ที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ประชาชนยังคงต้องเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ และใส่ใจอนามัยขั้นพื้นฐานของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสี่ยงสูง กลุ่ม 608 และผู้ที่มีโรคประจำตัว ยังคงต้องหมั่นล้างมือเป็นประจำเมื่อสัมผัสสิ่งของ สวมหน้ากากหากอยู่ในที่ปิด หรือคนรวมตัวกันหนาแน่น หรือหากมีอาการโรคระบบทางเดินหายใจและหลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่แออัด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด19” รองอธิบดีกรมอนามัย และโฆษกกรมอนามัย กล่าว
ที่มา : https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/179101/
